คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่น เป็นความผิดลักษณะเดียวกันฉะนั้นการมีฝิ่นและมูลฝิ่นในขณะเดียวกันจึงเป็นความผิดกระทงเดียว

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย 3 กระทงคือฐานมีฝิ่นกระทงหนึ่ง มีมูลฝิ่นอีกกระทงหนึ่ง และมีกล้องสูบฝิ่นอีกกระทงหนึ่งถ้าไม่มีเงินชำระค่าปรับ ให้จำแทนฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่นกระทงละ 1 ปี

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า โทษฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่นเป็นโทษกระทงเดียวกัน ให้กำหนดจำแทนค่าปรับสำหรับโทษสองฐานนี้กำหนด 1 ปี

โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำผิดของจำเลยฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่นนั้น แม้จำเลยจะถูกจับคราวเดียวกันก็ดี จำเลยกระทำผิดต่างกรรมและต่างบทมาตรากัน ศาลควรลงโทษแยกกระทงความผิดและควรจำแทนเป็นกระทง ๆ ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2481 มาตรา 6 ได้บัญญัติไว้ว่า

“มาตรา 53 ผู้ใดละเมิดต่อพระราชบัญญัตินี้

1. มีไว้ซึ่งฝิ่นและมูลฝิ่น ฯลฯ

ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับห้าเท่าของราคาฝิ่น หรือมูลฝิ่น ฯลฯ”

ถ้อยคำในตัวบทแสดงให้เห็นชัดว่า ความผิดฐานมีฝิ่นหรือมูลฝิ่นนั้น กฎหมายต้องการให้เป็นความผิดลักษณะเดียวกันวัตถุที่ต้องห้ามจะเป็นมูลฝิ่นหรือฝิ่นก็เป็นวัตถุประเภทเดียวกันฉะนั้นการมีฝิ่นและมูลฝิ่นในขณะเดียวกันจึงเป็นความผิดเพียงกระทงเดียว ส่วนการที่จะปรับต่างกันนั้นก็เป็นแต่เพียงวิธีคำนวณค่าปรับซึ่งกฎหมายให้ลงโทษจากปริมาณของวัตถุที่มีอยู่เท่านั้นจึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share