แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจรับเงินค่าก่อสร้างโรงเรียนจากกรมสามัญศึกษาตลอดไปจนเสร็จงานเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าการก่อสร้างโรงเรียนได้แล้วเสร็จ และจำเลยได้รับเงินค่าก่อสร้างงวดสุดท้ายไปหมดสิ้นแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินค่าก่อสร้างจากกรมสามัญศึกษา โดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้ไว้ได้อีก ดังนี้ ย่อมไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาคดีต่อไป ฟ้องโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิรับเงินจากกรมสามัญศึกษาตามหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันให้โจทก์ยืมชื่อจำเลยเข้าทำการประมูลการก่อสร้างอาคารโรงเรียน และจำเลยได้ทำหนังสือมอบอำนาจ ให้โจทก์ไปลงนามเป็นคู่สัญญากับกรมสามัญศึกษาแทนจำเลยและจำเลยได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์รับเงินค่ารับเหมาก่อสร้างจากกรมสามัญศึกษาด้วย โจทก์ได้ทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างกับกรมสามัญศึกษาแล้วได้เริ่มก่อสร้างโดยโจทก์เป็นผู้สั่งซื้อวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ตลอดจนจ่ายค่าแรงงานของคนงานและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับการก่อสร้างด้วยตนเอง จำเลยไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องในการก่อสร้างนี้ กรมสามัญศึกษากำหนดจ่ายเงินให้โจทก์จำนวน5 งวด โจทก์รับเงินจากกรมสามัญศึกษาแล้วจำนวน 4 งวด โดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว เมื่อโจทก์ก่อสร้างโรงเรียนนาดูนประชาสรรพ์งวดสุดท้ายเสร็จ และส่งมอบงานแล้ว โจทก์ไปขอรับเงินงวดสุดท้าย แต่ไม่สามารถรับเงินได้เพราะจำเลยได้บอกเลิกหนังสือมอบอำนาจในการรับเงินของโจทก์กับกรมสามัญศึกษาขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจ และหนังสือสัญญามอบอำนาจรับเงินตลอดไปจนเสร็จงาน
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยให้โจทก์ยืมชื่อของจำเลยไปรับเหมาก่อสร้างอาคารเรียน จำเลยเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมดกรมสามัญศึกษได้อนุมัติให้จำเลยเป็นผู้ประมูลการก่อสร้างได้ ต่อมากรมสามัญศึกษาให้จำเลยไปลงนามในสัญญาจ้างเหมาสร้างอาคารโรงเรียนที่กรมสามัญศึกษา จำเลยจึงให้นายสุรศักดิ์ ศรีสถิตย์ หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ เป็นตัวแทนรับมอบอำนาจจากจำเลยไปลงนามแทนและจำเลยได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยไปรับเงินค่าก่อสร้างเป็นงวด ๆ จากกรมสามัญศึกษา หลังจากก่อสร้างแล้วปรากฎว่าโจทก์รับเงินค่าก่อสร้างจากรมสามัญศึกษาไปแล้ว 4 งวดแต่โจทก์ไม่นำเงินมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย จำเลยจึงรีบทำการก่อสร้างโรงเรียนและงานได้แล้วเสร็จ จำเลยได้ทำหนังสือส่งมอบงานและขอรับเงินงวดสุดท้ายจากรมสามัญศึกษาและขอยกเลิกการมอบอำนาจให้โจทก์รับเงินแทนจำเลย การที่จำเลยมอบอำนาจให้โจทก์ไปรับเงินจากกรมสามัญศึกษาแทนจำเลยนั้น โจทก์กระทำไปในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์มีอำนาจรับเงินค่ารับเหมาก่อสร้างทั้งหมดตามหนังสือมอบอำนาจรับเงินตลอดไปจนงานแล้วเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า โจทก์มีอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจรับเงินค่าก่อสร้างโรงเรียนนาดูนประชาสรรพ์จากรมสามัญศึกษาตลอดไปจนเสร็จงาน แต่ข้อเท็จจริงได้ความตามทางพิจารณาว่าการก่อสร้างโรงเรียนนาดูนประชาสรรพ์ได้แล้วเสร็จและจำเลยผู้มอบอำนาจให้โจทก์รับเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวได้รับเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 5 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายจำนวน 1, 935, 000 ไปจากกรมสามัญศึกษาหมดสิ้นแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างจากกรมสามัญศึกษาโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้ไว้ได้อีกเมื่อเป็นดังนี้ย่อมไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป โจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยรับไปเพียงใดเป็นเรื่องที่จะไปฟ้องร้องว่ากล่าวเอากับจำเลยเป็นอีกส่วนหนึ่ง ฎีกาจำเลยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
อนึ่ง คดีนี้โจทก์เพียงแต่ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิรับเงินจากกรมสามัญศึกษาตามหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้ไม่ได้ฟ้องเรียกเงินหรือทรัพย์สินจากจำเลยด้วย จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ที่ศาลชั้นต้นให้คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในแต่ละศาล เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์มาไม่ถูกต้อง คู่ความควรเสียค่าขึ้นศาลในแต่ละศาลเพียง 200 บาทจึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เรียกเกินมาให้แก่คู่ความไป
พิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยเกี่ยวกับเรื่องเงินค่าก่อสร้างโรงเรียน คืนค่าขึ้นศาลที่คู่ความเสียเกินมาในแต่ละศาลให้แก่คู่ความฝ่ายนั้นไป”.