คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอาทรัพย์สินเดิมของภรรยาไปเป็นหลักทรัพย์ประกันต้องหาต่ออำเภอโดยกล่าวว่าเป็นทรัพย์ซึ่งตนมีกรรมสิทธิเด็ดขาดแต่ผู้เดียว ทั้งนี้โดยเข้าใจว่าตนมีสิทธิในทรัพย์สินเหนือภรรยาดังนี้ ยังไม่พอจะ+ว่ามีเจตนาแจ้งความเท็จ

ย่อยาว

ที่สวนแปลงหนึ่งเป็นสินเดิมของภรรยาจำเลย แต่จำเลยได้ปลูกต้นผลไม้และปลูกเรือนลงในที่สวนแปลงนี้ ต่อมาการอาชีพฝืดเคืองลงจำเลยจึงเปลี่ยนอาชีพมาประกันโดยเอาที่สวนแปลงนี้เป็นหลักทรัพย์ ภรรยาจำเลยทราบก็ไม่คัดค้านประการใด จำเลยได้ร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาคนหนึ่งต่อกรมการอำเภอตามแบบพิมพ์หลวงเอาสวนแปลงนี้ตรอกลงในบัญชีทรัพย์สินและกล่าวรับของในสัญญาประกันข้อ ๓ ว่าทรัพย์ที่ประกันนี้เป็นของจำเลยมีกรรมสิทธิแต่ผู้เดียว โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษฐานแจ้งความเท็จ
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าคดียังฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาแจ้งความเท็จเพราะที่สวนรายนี้เป็นของภรรยาจำเลย ๆ ได้ปลูกต้นผลไม้และบ้านเรืองอยู่ในที่ดินแปลงนี้มาหลายปีแล้ว จำเลยอาจเข้าใจว่าตนมีสิทธิในทรัพย์สินเหนือภรรยา จึงได้ไปกล่าวอ้างดังนี้คดียังไม่พอจะฟังว่าจำเลยมีเจตนาแจ้งความเท็จ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์

Share