คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤตติการณ์ที่ไม่ถือว่าเป็น+ฟ้องเคลือบคลุม ผู้เสียหายซึ่งเป้นทหารรวม 58 คนฝากเงินไว้กับจำเลยซึ่งเป็นนายทหาร จำเลยยักยอกเอาเงินนั้นเสีย ผู้บังคับบัญชีจึงจัดให้ผู้เสียตายทั้ง 58 คนลงนามกำกับจำนวนเงินของแต่ละคน ส่งพร้อมกับรายงานกล่าวโทษจำเลยดังนี้ เป็นการเพียงพอที่จะเรียกว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์โดยชอบแล้วในกรณีที่ผู้เสียหายเป็นผู้อยู่ในอำนาจศาลทหาร เมื่อผู้เสียหายได้ร้องทุกข์แล้วเจ้าพนักงานก็ย่อมมีอำนาจสอบสวนฟ้องร้องได้โดยมิต้องมีการมอบคดีให้ว่ากล่าว

ย่อยาว

คดีนี้ศาลมณฑลทหารบกที่ ๓ และศาลหทารกลางพิพากษาต้องกันว่าจำเลยยักยอกเงินของทหารที่ฝากจำเลยไว้ ให้จำคุกจำเลย ๒ ปีตามกฎหมายอาญา ม.๓๑๔
จำเลยฎีกาคัดค้านในข้อกฎหมายหลายข้อ
ศาลฎีกาตัดสินว่าข้อที่หาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเห็นว่าที่โจทก์ฟ้องกล่าวว่าเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๔๗๙ จำเลยได้รับฝากเงินจากทหาร ๕๘ คนตามบัญชีรายชื่อท้ายฟ้อง ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมดังจำเลยอ้างเพราะจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ส่วนคำร้องทุกข์ของทหารที่ลงนามกำกับจำนวนเงินส่งพร้อมกับรายงานของผู้บังคับกองร้อยกล่าวโทษจำเลย เป็นการเพียงพอที่จะฟังว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วและไม่ขัดต่อ ม.๑๒๓ และ ม.๒ (๗) แห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญา อนึ่งเมื่อปรากฎว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์แล้ว เจ้าพนักงานย่อมมีอำนาจทำการสอบสวนฟ้องร้องได้ไม่จำต้องมอบคดี เพราะการที่ต้องมอบคดีตามพระธรรมนูญศาลทหาร ม.๘๐ ก็ฉะเพาะเมื่อร้องทุกข์ผู้เสียหายไม่ได้เป็นผู้อยู่ในอำนาจศาลทหารเท่านั้น เมื่ออัยยการมีอำนาจฟ้องอยู่แล้วแม้ใบมอบคดีจะลงชื่อผู้เสียหายคนเดียวก็ไม่ทำให้เสียไป และเห็นว่าคดีไม่ขาดอายุความด้วย เพราะเมื่อเจ้าทุกข์ทราบแน่ชัดว่าจำเลยยักยอกเงินแล้วก็ร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ในเดือนนั้นเอง และเมื่อศาลทั้ง ๒ ฟังต้องกันมาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์แล้วจำเลยจะฎีกาว่าเป็นการรับผิดในทางแพ่งไม่ใช่ทางอาญามิได้ พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย

Share