คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาล ศาลชั้นต้นอนุญาต แต่จำเลยไม่วางเงินภายในกำหนด หลังจากนั้นจำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องพร้อมกับมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ แต่มิได้ดำเนินการทำให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง และมาตรา 234 เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยไม่อาจขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้แล้ว จำเลยก็ไม่อาจขอดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญาเงินกู้สินเชื่อหมุนเวียน 7,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2540 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2542 อัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2542 ถึงวันฟ้อง และอัตราร้อยละ 11.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้จนครบ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญากู้เงิน 5,838,313.14 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี ของต้นเงิน 4,394,801.47 บาท นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2542 ถึงวันฟ้อง และอัตราร้อยละ 11.5 ต่อปี นับถัดจกาวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้จนครบ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 12,000 บาท สำหรับค่าขึ้นศาลให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดเฉพาะในส่วนที่ตนถูกฟ้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำพิพากษาและอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นำเงินมาวางภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2546 แต่จำเลยทั้งสองไม่วางเงินภายในกำหนด ต่อมาวันที่ 2 ตุลาคม 2546 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องพร้อมกับมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาและอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาโดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่ผิดระเบียบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่ผิดระเบียบนั้น เห็นว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำพิพากษาและอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาพร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นำเงินมาวางภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2546 แต่จำเลยทั้งสองไม่วางเงินภายในกำหนด หลังจากนั้นวันที่ 2 ตุลาคม 2546 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวพร้อมกับมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาและอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาของจำเลยทั้งสอง ในกรณีเช่นนี้จำเลยทั้งสองชอบที่จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพื่อให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะมีผลให้รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณา แต่จำเลยทั้งสองมิได้ดำเนินการจึงมีผลทำให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง และมาตรา 234 เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไม่อาจขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้แล้ว จำเลยทั้งสองก็ไม่อาจขอดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ ดังนั้น ไม่ว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอย่างไรก็ไม่มีผลกระทบถึงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองซึ่งถึงที่สุดแล้วได้ ปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัย”
ใหจำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลฎีกา

Share