คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4738/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงทางแยกก่อนจนแล่นเข้าไปอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 จะถึงช่องที่ 2 อยู่แล้ว รถยนต์ที่ ส. ขับจึงชนรถจักรยานยนต์ของจำเลย ในลักษณะเช่นนี้รถยนต์ของ ส. จะต้องให้รถจักรยานยนต์ของจำเลยผ่านไปก่อนตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1) ส. ขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงมากและไม่ลดความเร็วเมื่อถึงทางร่วมทางแยกแม้จะเป็นทางเอกก็เป็นฝ่ายประมาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์มาตามซอยแอนเน็กซ์จะเลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธินโดยประมาทไม่หยุดรถที่ปากซอยรอให้รถทางตรงผ่านไปก่อนได้ขับเข้าถนนพหลโยธินทันทีตัดหน้ากระชั้นชิดและเฉี่ยวชนกับรถยนต์ซึ่งนายจรัล แก้วกลางขับมาตามถนนพหลโยธินเป็นเหตุให้นางสาวจันทร์แรม สินหมู่ได้รับอันตรายสาหัสขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 43, 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา43, 157 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 และเนื่องจากจำเลยก็ได้รับผลร้ายจากการเกิดเหตุครั้งนี้จึงให้จำคุกจำเลย 2 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่านายจรัลคนขับรถยนต์ปิกอัพเป็นฝ่ายขับรถด้วยความเร็วสูงมากและไม่ลดความเร็วเมื่อถึงทางร่วมทางแยกแม้จะเป็นทางเอกก็เป็นฝ่ายประมาทเพราะรถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับได้แล่นมาถึงปากทางแยกก่อนจนแล่นเข้าไปอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 จะถึงช่องที่ 2 อยู่แล้วรถยนต์ปิกอัพจึงมาชนเต็มคันตรงโช้กอัพหน้าและเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ในลักษณะเช่นนี้รถยนต์ปิกอัพจะต้องให้รถจักรยานยนต์ผ่านไปก่อนตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 71 (1) จำเลยมิใช่ฝ่ายประมาท
พิพากษายืน.

Share