แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้แทนโจทก์สั่งลงทัณฑ์จำเลยทั้งสองตามรายงานของคณะกรรมการ ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน ต่อมาคณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดทางแพ่งรายงานไปยังผู้แทนโจทก์ตามลำดับชั้น ผู้แทนโจทก์รับทราบเมื่อวันที่ 18พฤศจิกายน 2523 จึงถือได้ว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3พฤศจิกายน 2524 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองรับราชการในกองบิน 3 ฐานบินโคราชมีหน้าที่ดูแลรักษาควบคุมการเบิกจ่ายพัสดุต่าง ๆ โดยจำเลยที่ 2เป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 1 ระหว่างวันที่ 8 สิงหาคม 2519 ถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2520 จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ทำให้แผ่นโลหะปูสนามบินของโจทก์สูญหายไป 476 แผ่น ราคา 1,074,800 บาทขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันคืนแผ่นโลหะปูสนามแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า ทรัพย์ตามฟ้องมิใช่ของโจทก์ จำเลยทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบ มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ตามเอกสารหมาย ล.16 จะปรากฏว่าผู้บัญชาการทหารอากาศมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและผู้รับผิดชอบพัสดุสูญหาย โดยมิได้ระบุให้แจ้งชัดว่า หาผู้รับผิดชอบในทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัยทางใดทางหนึ่งหรือทั้งสามทางก็ตาม แต่ก็ปรากฏจากรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนเอกสารหมาย ล.16 ข้อ 3.4.1.3 ว่าคณะกรรมการสอบสวนมีความเห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ซึ่งเป็นความผิดทางวินัย และตามเอกสารดังกล่าว ข้อ 4 ระบุว่า ความรับผิดทางแพ่งจะต้องตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งตาม ขกง.10 หมวด17 ข้อ 106 การดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งนั้นเป็นหน้าที่ของ กง. ทอ. เห็นได้ว่า คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้ไม่ใช่คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่ง เพราะอำนาจในการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งต้องเป็นคณะกรรมการสอบสวนซึ่งตั้งโดย กง. ทอ. คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้ จึงไม่ได้ทำการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่ง คงทำการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางอาญาและทางวินัยเท่านั้น คณะกรรมการสอบสวนจึงลงความเห็นเพียงว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ซึ่งเป็นความผิดทางวินัยดังนั้น การที่ผู้บัญชาการทหารอากาศสั่งลงทัณฑ์จำเลยทั้งสองท้ายเอกสารหมาย ล.3 ซึ่งเป็นรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนผ่านรองผู้บัญชาการทหารอากาศเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2522 นั้นยังถือไม่ได้ว่าผู้บัญชาการทหารอากาศผู้แทนโจทก์ได้รู้ถึงตัวผู้พึงจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อมาเมื่อผู้บัญชาการทหารอากาศได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งคณะกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดในทางแพ่งแล้วรายงานผลการสอบสวนต่อเจ้ากรมการเงินทหารอากาศ เจ้ากรมการเงินทหารอากาศเสนอรายงานของคณะกรรมการสอบสวนต่อผู้บัญชาการทหารอากาศเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน2523 ผู้บัญชาการทหารอากาศสั่งการให้จำเลยทั้งสองรับผิดในทางแพ่งผ่านรองผู้บัญชาการทหารอากาศเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2523 ดังนั้นจึงต้องถือว่าผู้บัญชาการทหารอากาศผู้แทนโจทก์รู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2523 คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2524 ยังไม่พ้น1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่พึงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน.