คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย หากจำเลยไม่พอใจย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินการตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ หรือวรรคห้าโดยยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน หรืออุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภาค 5 ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ซึ่งแม้มีสิทธิที่จะเลือกดำเนินกระบวนพิจารณาเช่นนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ แต่เมื่อจำเลยได้เลือกอุทธรณ์คำสั่งตามมาตรา 156 วรรคห้าแล้ว จำเลยจะกลับมาขอให้ศาลพิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามมาตรา 156 วรรคสี่ อีกไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 26,138,267.06 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปี ของต้นเงิน 18,813,290.49 บาท นับแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2543 ซึ่งเป็นวันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดในหนี้ดังกล่าวเฉพาะตามสัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 14,099,955.98 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปีของต้นเงิน 10,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ส่วนจำเลยที่ 4 ให้ร่วมรับผิดในหนี้ดังกล่าวเฉพาะตามสัญญากู้เงินจำนวน 12,038,311.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปี ของต้นเงิน 8,813,290.49 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งสี่ไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1756 และ 1757 ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ถ้าได้เงินจำนวนสุทธิไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสี่ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน และให้จำเลยทั้งสี่ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีจำเลยแต่ละคน โดยกำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์ พร้อมกับยื่นคำร้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ยากจนจึงให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ยกคำร้อง หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ประสงค์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 20 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง และให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์จำนวน 200 บาท แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกาคำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 5 ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 (ที่ถูกมาตรา 156 วรรคห้า) จึงไม่รับคำร้องฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3
ต่อมาจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว จะมาใช้สิทธิขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่เพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า อีกไม่ได้ จึงให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ยกคำร้อง และคืนค่าขึ้นศาลจำนวน 200 บาท แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้อีกหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่พอใจคำสั่งดังกล่าว ย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ หรือวรรคห้า บัญญัติไว้โดยยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนหรืออุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นั้น ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 5 ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว ซึ่งแม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 มีสิทธิที่จะเลือกดำเนินกระบวนการพิจารณาเช่นนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้เลือกอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้าแล้ว จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จะกลับมาขอให้ศาลพิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ อีกไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษานี้.

Share