แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ซื้อที่ดินมีโฉนด ทำนิติกรรมซื้อขายต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เมื่อชำระเงินค่าซื้อเรียบร้อยแล้วก็ได้จดทะเบียนโอนโฉนดกันตามระเบียบโดยถูกต้องตามกฎหมาย อันเป็นการกระทำโดยเปิดเผยและเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตทั้งได้จดทะเบียนโดยสุจริต แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่ดินในโฉนดบางส่วนจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382แต่กรรมสิทธิ์ดังกล่าวนี้กฎหมายยังไม่รับรองเด็ดขาดจนกว่าจะได้จดทะเบียนสิทธินั้นแล้ว กรรมสิทธิ์อันยังมิได้จดทะเบียนจะยกขึ้นต่อสู้ผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลภายนอกซึ่งรับโอนโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต ทั้งได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ซึ่งเป็นบทยกเว้นหลักกฎหมายทั่วไปว่า ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
การแจ้งการครอบครองที่ดินตามพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้งประการใด การแจ้งการครอบครองที่ดินนั้นเป็นเพียงการแสดงเจตนาอย่างหนึ่งว่า ผู้แจ้งการครอบครองยังไม่สละสิทธิครอบครองที่ดินที่แจ้ง ถ้าผู้ครอบครองไม่แจ้งการครอบครองในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ให้ถือว่าสละสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดที่ 8046 ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย จังหวัดอยุธยา เนื้อที่ 36 ไร่เศษ จากนายประจักษ์ ศิริบัณฑิตกุล จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันที่สำนักงานที่ดิน ประมาณเดือนเมษายน 2508 จำเลยได้บุกรุกเข้าทำการไถหว่านข้าวที่ดินโจทก์เนื้อที่ 24 ไร่เศษ ทำให้โจทก์ขาดรายได้จากค่าเช่าไร่ละ 3 ถัง รวมค่าเสียหาย 600 บาท โจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากที่ของโจทก์จำเลยก็เพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินจำเลย จำเลยได้ครอบครองโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่พ.ศ. 2486 ตลอดมาจนบัดนี้ และในปี 2498 จำเลยได้แจ้งการครอบครองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และได้เสียภาษีที่ดินตลอดมา ที่ดินโฉนดที่ 8046 ตามฟ้องเป็นโฉนดออกทับที่ดินส่วนหนึ่งของจำเลยโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งการซื้อขายระหว่างโจทก์กับนายประจักษ์ก็เป็นไปโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง และพิพากษาว่าที่ดินรายพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องอีกต่อไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยแจ้ง ส.ค.1 โดยเอาความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าที่ดินพิพาทไม่มีผู้ใดครอบครอง ทั้ง ๆ ที่ดินพิพาทมีโฉนดแล้ว โจทก์ซื้อที่ดินมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนกันโอนทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่แล้ว โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ซื้อที่ดินโดยสุจริต จำเลยจะอ้างสิทธิในทางครอบครองปรปักษ์ซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ยันผู้จดทะเบียนซื้อไว้โดยสุจริตไม่ได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินพิพาท ส.ค.1 ที่จำเลยแจ้งไว้นั้นหาก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่จำเลยแต่อย่างใดไม่ พิพากษาขับไล่ ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์และนายประจักษ์ตกลงซื้อขายที่ดินแปลงพิพาทโฉนดที่ 8046 กันแล้วได้ไปทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินแปลงพิพาทต่อเจ้าพนักงาน เมื่อได้ชำระเงินค่าซื้อเรียบร้อยแล้ว ก็ได้จดทะเบียนซื้อขายโอนโฉนดที่ดินแปลงพิพาทกันตามระเบียบถูกต้องตามกฎหมาย อันเป็นการกระทำโดยเปิดเผยและเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต ทั้งได้จดทะเบียนโดยสุจริต แม้จะฟังว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทอันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ 8046 ได้กรรมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ก็ตาม แต่กรรมสิทธิ์นั้น กฎหมายยังไม่รับรองเด็ดขาดจนกว่าจำเลยจะได้จดทะเบียนสิทธิแล้วกรรมสิทธิ์อันยังมิได้จดทะเบียนนั้น จะยกขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับโอนที่ดินแปลงพิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตทั้งได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง แล้วไม่ได้เพราะกรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382 นั้น ต้องอยู่ภายในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ซึ่งเป็นบทยกเว้นกฎหมายทั่วไปว่าผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
หนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินหรือ ส.ค.1นั้นไม่ใช่หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน หรือถือว่าเป็นโฉนดที่ดินตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 บัญญัติว่า “ถ้าผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินซึ่งมีหน้าที่แจ้งการครอบครองที่ดินไม่แจ้งภายในระยะเวลาตามที่ระบุไว้ ให้ถือว่าบุคคลนั้นสละสิทธิครอบครองที่ดิน การแจ้งการครอบครองไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้งแต่ประการใด
พิพากษายืน