คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4717/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส.หลอกลวงให้โจทก์เข้าใจว่าส. เป็นตัวแทนของฝ่ายจำเลยมาสั่งซื้อเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่องจากโจทก์ให้นำไปติดตั้งที่บ้านจำเลย ในขณะเดียวกันส.ก็ทำให้จำเลยเข้าใจว่าส. เป็นเจ้าของเครื่องปรับอากาศดังกล่าวและนำพนักงานมาติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่บ้านจำเลยตามที่ได้เสนอขายให้จำเลยไว้กรณีจึงเป็นเรื่องที่ทั้งโจทก์และจำเลยต่างก็ถูก ส.หลอกลวง การกระทำทั้งหลายของ ส. ที่มีต่อโจทก์ย่อมไม่เกิดเป็นสัญญาผูกพันโจทก์ แม้การกระทำของ ส.ดังกล่าวที่มีต่อโจทก์จะเข้าลักษณะซื้อขายทรัพย์เฉพาะสิ่งก็ไม่ทำให้ ส.ได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในเครื่องปรับอากาศของโจทก์ อันเกิดจากการกระทำเพื่อหลอกลวงใช้โจทก์เป็นเครื่องมือดังกล่าว ส. จึงไม่มีสิทธิขายเครื่องปรับอากาศของโจทก์ให้แก่จำเลยในขณะที่เครื่องปรับอากาศทั้งสองเครื่องดังกล่าวยังอยู่ในความครอบครองของพนักงานโจทก์ซึ่งถือได้ว่ายังอยู่ในความครอบครองของโจทก์ จำเลยจะอ้างเอาการซื้อเครื่องปรับอากาศ ดังกล่าวจาก ส. ขึ้นยันต่อโจทก์มิได้ เมื่อโจทก์ขอถอดเอาเครื่องปรับอากาศคืนไปแต่จำเลยกลับปฏิเสธและยึดเอาเครื่องปรับอากาศของโจทก์ไว้เป็นของตน ดังนี้ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระราคาเครื่องปรับอากาศแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2537 จำเลยสั่งซื้อเครื่องปรับอากาศยี่ห้อมิตซูบิชิ จำนวน 2 เครื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นแบบติดผนังพร้อมการติดตั้ง ขนาด 13,000 บีทียูราคา 37,900 บาท และขนาด 17,000 บีทียู ราคา 43,500 บาทรวมเป็นเงิน 80,400 บาท วันรุ่งขึ้นโจทก์ได้นำเครื่องปรับอากาศทั้งสองเครื่องดังกล่าวของโจทก์ไปติดตั้งที่บ้านจำเลย โจทก์เรียกเก็บเงิน 80,400 บาท จากจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมชำระโจทก์จะขอถอดเครื่องปรับอากาศกลับคืน จำเลยไม่ยินยอม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 80,400 บาท นับแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2537 จนถึงวันฟ้องเป็นเงินดอกเบี้ย 3,735.25 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน84,135.25 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน80,400 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้สั่งซื้อเครื่องปรับอากาศตามฟ้องจากโจทก์ แต่สั่งซื้อจากนายชัยหรือวันชัย และชำระราคาไปแล้วจำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าเครื่องปรับอากาศแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 80,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2537 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 3,735.25 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2537 นายสมชายหรือวันชัยหรือชัย เพิ่มพูลไปที่ห้างโจทก์สั่งซื้อเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ราคารวม 81,400 บาท โดยวางเงินมัดจำ 1,000 บาท คงเหลือราคาที่ต้องชำระอีก80,400 บาท ตามที่ระบุไว้ในใบสั่งซื้อเอกสารหมาย จ.2ในวันเดียวกันนั้นนายสมชายได้โทรศัพท์ไปเสนอขายเครื่องปรับอากาศทั้งสองเครื่องดังกล่าวแก่จำเลยในราคา 40,000 บาท จำเลยตกลงซื้อวันรุ่งขึ้นนายสมชาย ได้มานำเครื่องปรับอากาศทั้งสองเครื่องพร้อมด้วยพนักงานติดตั้งของโจทก์ไปที่บ้านจำเลยในระหว่างที่พนักงานโจทก์กำลังติดตั้งเครื่องปรับอากาศในบ้านจำเลยนั้นนายสมชายได้ขอรับเงินค่าเครื่องปรับอากาศจำนวน40,000 บาท ไปจากจำเลยเมื่อพนักงานโจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเสร็จขอรับชำระราคาส่วนที่เหลือจากจำเลย จำเลยปฏิเสธและไม่ยอมคืนเครื่องปรับอากาศแก่โจทก์
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยต้องรับผิดชำระราคาเครื่องปรับอากาศตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า การที่นายสมชายสั่งซื้อเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง จากโจทก์ในราคา 81,400 บาทในวันเดียวกันก็ได้บอกขายให้จำเลยในราคาเพียง 40,000 บาทและขณะที่พนักงานโจทก์กำลังติดตั้งเครื่องปรับอากาศอยู่ในบ้านจำเลยนายสมชายอาศัยเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในใบสั่งซื้อว่าผู้สั่งซื้อจะชำระราคาส่วนที่เหลือ 80,400 บาท แก่โจทก์ต่อเมื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศเสร็จ โดยขอรับเงินค่าเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่องจำนวน 40,000 บาท จากจำเลยก่อนที่พนักงานโจทก์จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศเสร็จแล้วหลบหนีไป อันเป็นพฤติการณ์เห็นได้ชัดว่านายสมชายกระทำการโดยทุจริตมาแต่ต้นโดยหลอกลวงโจทก์ให้มาเป็นเครื่องมือตามแผนเพื่อหลอกเอาเงินจากจำเลยอีกต่อหนึ่งการกระทำของนายสมชายเป็นแผนลวงให้โจทก์เข้าใจว่านายสมชายเป็นตัวแทนของฝ่ายจำเลยมาสั่งซื้อเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่องจากโจทก์ให้นำไปติดตั้งที่บ้านจำเลย ในขณะเดียวกันก็ทำให้จำเลยเข้าใจว่านายสมชายเป็นเจ้าของเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่องดังกล่าวนำพนักงานมาติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่บ้านจำเลยตามที่ได้เสนอขายให้จำเลยไว้ กรณีจึงเป็นเรื่องที่ทั้งโจทก์และจำเลยต่างก็ถูกนายสมชายหลอกลวง ดังนั้น การกระทำทั้งหลายของนายสมชายที่มีต่อโจทก์ย่อมไม่เกิดเป็นสัญญาผูกพันโจทก์ แม้การกระทำของนายสมชายดังกล่าวที่มีต่อโจทก์จะเข้าลักษณะซื้อขายทรัพย์เฉพาะสิ่งก็ไม่ทำให้นายสมชายได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ของโจทก์อันเกิดจากการกระทำเพื่อหลอกลวงใช้โจทก์เป็นเครื่องมือดังกล่าว เพราะนายสมชายไม่มีเจตนาจะผูกพันตนเพื่อปฏิบัติตามสัญญาอันมีแก่โจทก์ตั้งแต่แรกนายสมชายจึงไม่มีสิทธิขายเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ของโจทก์ให้แก่จำเลยในขณะที่เครื่องปรับอากาศทั้งสองเครื่องดังกล่าวยังอยู่ในความครอบครองของพนักงานโจทก์ ซึ่งถือได้ว่ายังอยู่ในความครอบครองของโจทก์ จำเลยจะอ้างเอาการซื้อเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ดังกล่าวจากนายสมชายขึ้นยันต่อโจทก์มิได้ เพราะโจทก์มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของนายสมชายเป็นเรื่องที่จำเลยถูกนายสมชายหลอกเอาเงินไปต่างหากไม่เกี่ยวกับโจทก์ เมื่อโจทก์และจำเลยต่อทราบถึงการกระทำของนายสมชายที่มีความมุ่งหมายเพื่อหลอกลวงเอาเงินจากจำเลยโดยหลอกใช้โจทก์เป็นเครื่องมือดังกล่าวแล้วโจทก์จะขอถอดเอาเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง คืนไปโดยมิได้ตำหนิหรือเอาผิดแก่จำเลยทั้งที่โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยกลับปฏิเสธและยึดเอาเครื่องปรับอากาศของโจทก์ไว้เป็นของตน จำเลยจึงต้องรับผิดชำระราคาเครื่องปรับอากาศตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share