คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวนหกแสนห้าหมื่นบาท ให้แก่โจทก์ร่วมเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อที่ดิน โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คและออกเช็คในขณะที่ไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ แต่จำเลยได้ขวนขวายรวบรวมเงินและเสนอชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วมต่อหน้าศาลชั้นต้นเป็นเงินถึงสามแสนบาททั้งจำเลยเป็นหญิงไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุอันควรปรานี สมควรรอการลงโทษจำเลยไว้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
นางสาวทิพย์วัลย์ หัสธน ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
เดิมจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วและสืบพยานจำเลยคือตัวจำเลยได้เพียงปากเดียว จำเลยก็ถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้จำคุก1 ปี และปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน และปรับ5,000 บาท จำเลยได้เสนอชำระหนี้เงินตามเช็คถึงสามแสนบาท โทษจำคุกเห็นสมควรรอไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ในกรณีที่จำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับและไม่รอการลงโทษให้จำเลยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยได้ขวนขวายรวบรวมเงินและเสนอชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วมต่อหน้าศาลชั้นต้นเป็นเงินถึงสามแสนบาททั้งจำเลยเป็นหญิงไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุอันควรปรานีสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น…”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share