คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4708/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผู้คัดค้านยอมรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทมาโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของครบ 10 ปีแล้ว จึงต้องฟังว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว ผู้ร้องไม่จำต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ในประเด็นข้อนี้อีก
ผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมาโดยการรับมรดก จึงมิใช่บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินบางส่วนเนื้อที่ ๕ ไร่ ๕๐ ตารางวาของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๖๒๗ ตำบลลาดหลุมแก้ว อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานีเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า นายเสริม ผ่องผุด เจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๖๒๗ ได้ทำพินัยกรรมยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่เด็กชายสัมพันธ์ ผ่องผุด เด็กชายสมพิศผ่องผุด ซึ่งเป็นหลาน และได้จดทะเบียนลงชื่อในโฉนดที่ดินแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๖๒๗ ตำบลลาดหลุมแก้ว อำเภอลาดหลุดแก้ว จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ประมาณ ๕ ไร่ ๕๐ ตารางวา โดยการครอบครอง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อผู้คัดค้านยอมรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทมาโดยความสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของครบ ๑๐ ปีแล้ว จึงต้องฟังว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ แล้ว ไม่จำต้องมีการสืบพยานต่อไปอีก และผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมาโดยการรับมรดกจึงมิใช่บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๙ วรรคสอง ผู้ร้องย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านได้ ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share