คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งบ่อนและจัดให้มีการเล่นการพนันชนไก่และกัดปลาโจทก์จำเลยทำสัญญาให้ใช้ใบอนุญาตดังกล่าวโดยโจทก์จะให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยปีละ 100,000 บาท ในวันทำสัญญาจำเลยได้รับเงินมัดจำ 100,000 บาท จากโจทก์ ต่อมาโจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่า จำเลยผิดสัญญาโดยไม่ดำเนินการขอย้ายสถานที่ตั้งบ่อนและจัดให้มีการเล่นการพนันชนไก่และกัดปลาในที่ดินของโจทก์ โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,300,000 บาท จำเลยให้การว่าสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องมีวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายตกเป็นโมฆะ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาให้ใช้ใบอนุญาตให้ตั้งบ่อนและจัดให้มีการเล่นการพนันชนไก่และกัดปลาที่โจทก์นำมาฟ้องตกเป็นโมฆะคดีถึงที่สุด ดังนั้นที่โจทก์นำสัญญาให้ใช้ใบอนุญาตดังกล่าวมาฟ้องจำเลยว่าผิดสัญญาและบังคับให้จำเลยคืนเงินมัดจำที่รับไปจากโจทก์เพื่อให้ศาลวินิจฉัยคดีในประเด็นเดียวกันนั้นซ้ำอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องโจทก์โดยไม่ได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมไม่ชอบเพราะคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมแม้จะไม่มีคำขอของคู่ความฝ่ายใด ก็เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องสั่งลงไว้ในคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 167 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2541 โจทก์ จำเลยทำสัญญาต่างตอบแทนกำหนดให้โจทก์มีสิทธิใช้ใบอนุญาตให้ตั้งบ่อนและจัดให้มีการพนันประเภทชนไก่และกัดปลาตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเล่นการพนันประเภทชนไก่และกัดปลาพุทธศักราช 2525 โดยโจทก์ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่จำเลยปีละ 100,000 บาท มีเงื่อนไขว่าการใช้สิทธิตามใบอนุญาตดังกล่าวต้องกระทำในที่ดินของโจทก์มีกำหนดระยะเวลานับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2541 ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2543 โจทก์ชำระเงินมัดจำให้แก่จำเลยในวันทำสัญญา 100,000 บาท แต่จำเลยผิดสัญญาโดยให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจว่า จำเลยจะตั้งบ่อนพนันประเภทชนไก่ ณ สถานที่เดิมคือหมู่ที่ 3 ตำบลบางนอน อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ซึ่งมิได้เป็นไปตามสัญญาต่างตอบแทนโจทก์ไม่สามารถใช้สถานที่ของโจทก์ที่ก่อสร้างเตรียมไว้แล้วเป็นที่ตั้งบ่อนพนันประเภทชนไก่และกัดปลาได้ โจทก์เสียหายจึงทวงถามให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 121,267.75 บาท จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 121,267.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5ต่อปี ของต้นเงิน 100,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ

จำเลยยื่นคำให้การว่า สัญญาต่างตอบแทนตามฟ้องเป็นนิติกรรมที่กระทำขึ้นเพื่อเลี่ยงกฎหมาย และระเบียบของกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพนันชนไก่และกัดปลาข้อ 3 ซึ่งห้ามจำเลยผู้รับอนุญาตโอนใบอนุญาตให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์ จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ไม่มีผลผูกพันจำเลยดังสำเนาคำพิพากษาของศาลชั้นต้น คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 543/2543 เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 1 โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับฟ้องโจทก์คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 543/2543ซึ่งถึงที่สุดแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายแถลงรับกันว่าก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาให้ใช้ใบอนุญาตให้ตั้งบ่อนการพนันและจัดให้มีการพนันประเภทชนไก่และกัดปลา ซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าสัญญาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายตกเป็นโมฆะและคดีถึงที่สุดตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 543/2543 ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดสืบพยานและเห็นว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับฟ้องโจทก์คดีดังกล่าว จึงมีคำสั่งยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับฟ้องโจทก์คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 543/2543 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาได้ความว่า จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งบ่อนและจัดให้มีการเล่นการพนันประเภทชนไก่และกัดปลาตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเล่นการพนันประเภทชนไก่และกัดปลา พุทธศักราช 2525 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2541 โจทก์จำเลยทำสัญญาให้ใช้ใบอนุญาตให้ตั้งบ่อนและจัดให้มีการเล่นการพนันประเภทชนไก่และกัดปลา เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1 โดยจำเลยตกลงให้โจทก์ได้ใช้ใบอนุญาตให้ตั้งบ่อน และจัดให้มีการเล่นการพนันประเภทชนไก่และกัดปลาของจำเลยและโจทก์ตกลงจะให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยปีละ 100,000 บาท ในวันทำสัญญาจำเลยได้รับเงินมัดจำ 100,000 บาท จากโจทก์ครบถ้วน ต่อมาวันที่ 28 ธันวาคม 2543 โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่า จำเลยผิดสัญญาโดยไม่ดำเนินการขอย้ายสถานที่ตั้งบ่อนและจัดให้มีการเล่นการพนันประเภทชนไก่และกัดปลาในที่ดินของโจทก์ โจทก์เสียหายเพราะลงทุนสร้างบ่อนไก่และอาคารสถานที่ไว้เพื่อการดังกล่าวเป็นเงิน 1,300,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่าสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องมีวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายตกเป็นโมฆะเช่นเดียวกับคดีนี้ ซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาท ข้อ 2 ว่า สัญญาให้ใช้ใบอนุญาตให้ตั้งบ่อนและจัดให้มีการเล่นการพนันประเภทชนไก่และกัดปลาที่โจทก์นำมาฟ้องตกเป็นโมฆะ คดีถึงที่สุดตามสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 543/2543 ของศาลชั้นต้นเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 1 ดังนั้นที่โจทก์นำสัญญาให้ใช้ใบอนุญาตให้ตั้งบ่อนการพนันและจัดให้มีการเล่นการพนันประเภทชนไก่และกัดปลาที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเป็นที่สุดแล้วว่าตกเป็นโมฆะมาฟ้องกล่าวหาจำเลยว่าผิดสัญญาและบังคับให้จำเลยคืนเงินมัดจำที่รับไปจากโจทก์เพื่อให้ศาลวินิจฉัยคดีในประเด็นเดียวกันนั้นซ้ำอีก ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องโจทก์โดยไม่ได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมไม่ชอบเพราะคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมแม้จะไม่มีคำขอของคู่ความฝ่ายใด ก็เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องสั่งลงไว้ในคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 167 วรรคหนึ่ง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้างศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง”

พิพากษายืน

Share