คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินและบ้านพิพาทซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทกันมีราคา317,000บาทเมื่อจำเลยที่2และที่4ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปแล้ว2ส่วนเท่ากับกึ่งหนึ่งของราคาที่ดินและบ้านพิพาทจึงเหลือทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาอีกเพียงกึ่งหนึ่งเท่านั้นทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาจึงเหลือเพียง158,500บาทเมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน200,000บาทห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

สำนวนแรก โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกจากบ้านและชดใช้ค่าเสียหาย
สำนวนหลัง จำเลยที่ 2 และที่ 4 ในสำนวนแรกเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และโจทก์ในสำนวนแรกเป็นจำเลย ขอให้เพิกถอนการซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1โอนบ้านและที่ดินให้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกจากบ้านและชดใช้ค่าเสียหาย และยกฟ้องโจทก์ในสำนวนหลัง
จำเลยที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 และที่ 4ให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินและบ้านเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2และที่ 4 ให้จำเลยที่ 2 และที่ 4 และยกฟ้องโจทก์ในสำนวนแรก
จำเลย ที่ 2 และ ที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 2 และที่ 4ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ก็มิได้ฎีกา คดีจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คงมีคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะสำนวนหลังที่จำเลยที่ 2 และที่ 5 เป็นโจทก์ฟ้องให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่คู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่า นางวัชรีสมแก้วเป็นภริยาของนายสมชาย สมแก้ว มีบุตรด้วยกัน 3 คนคือ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 นายสมชายกับนางวัชรีจดทะเบียนหย่ากันเมื่อปี 2519 ต่อมานางวัชรีจดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 เมื่อปี 2523 เดือนกุมภาพันธ์ 2528 นางวัชรีได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทจากบริษัทธนโรจน์เอสเตทจำกัด ในราคา 317,000 บาท ครั้นในเดือนกันยายน 2528 นางวัชรีถูกรถยนต์ชนเสียชีวิต ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้จำเลยที่ 1เป็นผู้จัดการมรดกของนางวัชรี ต่อมาปี 2530 จำเลยที่ 1ขายที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ เห็นว่า เมื่อนางวัชรีถึงแก่ความตายทรัพย์มรดกของนางวัชรีจึงตกได้แก่จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรคนละส่วนเท่า ๆ กัน แต่ปรากฏว่าตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 25980/2531ของศาลชั้นต้นที่จำเลยที่ 2 และที่ 4 เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1กับโจทก์ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 113973และบ้านเลขที่ 81/66 แขวงทุ่งสองห้อง เขตบางเขน กรุงเทพมหานครระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 และที่ 4ให้จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางวัชรี สมแก้วหรือทวีบุญจดทะเบียนโอนที่ดินและบ้านดังกล่าวเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 และที่ 4ให้จำเลยที่ 2 และที่ 4 หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และที่ 4ฎีกาขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ทั้งหมด เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 4 ชนะคดีตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไปแล้ว 2 ส่วน เท่ากับกึ่งหนึ่งของราคาที่ดินและบ้านพิพาท จึงเหลือทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาอีกเพียงกึ่งหนึ่งเท่านั้น ที่ดินและบ้านพิพาทมีราคา317,000 บาท ดังนั้นทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาจึงเหลือเพียง158,500 บาท เมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่านางวัชรีได้ทำสัญญาซื้อที่ดินและบ้านพิพาทในปี 2518 ขณะจดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 แล้วนางวัชรีจะนำเงินที่ไหนมาชำระค่าที่ดินและบ้านพิพาทไม่ใช่ข้อสำคัญ ทั้งทรัพย์รายนี้ได้จดทะเบียนจำนองจะต้องผ่อนชำระแก่ธนาคารซึ่งจะต้องนำเงินของจำเลยที่ 1 และนางวัชรีร่วมกันหาได้ในระหว่างเป็นสามีภริยาผ่อนชำระแก่ธนาคารอีกระยะหนึ่งจึงได้ที่ดินและบ้านพิพาทโดยสมบูรณ์ เมื่อจำเลยที่ 1 และนางวัชรีได้ทำสัญญาซื้อที่ดินและบ้านพิพาทมาระหว่างเป็นสามีภริยาแม้จะทำสัญญาซื้อขายในนามของนางวัชรีแต่ผู้เดียวก็ตามก็ต้องถือว่าเป็นสินสมรส ดังนั้นที่จำเลยที่ 2 และที่ 4 ฎีกาว่าที่ดินและบ้านพิพาทไม่เป็นสินสมรส ระหว่างจำเลยที่ 1 กับนางวัชรีแต่เป็นสินส่วนตัวของนางวัชรีจึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 4 จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายก ฎีกา จำเลย ที่ 2 และ ที่ 4

Share