แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 78 ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานต่อเมื่อผู้ประกันตนได้จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนและต้องอยู่ภายในระยะเวลาสิบห้าเดือนก่อนการว่างงานและจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในเงื่อนไข (1) ถึง (3) โดย (3) ระบุไว้ชัดเจนว่า ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามหมวด 7 ในลักษณะนี้ซึ่งก็คือหมวดที่ว่าด้วยประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพนั่นเอง ฟ้องโจทก์ระบุว่าโจทก์ยื่นแบบขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพต่อสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 และสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 มีคำสั่งจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้ผู้ประกันตน แสดงว่าโจทก์และสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 ยอมรับกันว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามหมวด 7 ดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานนับแต่โจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามความในมาตรา 78 (3) ต่อไปอีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 เรื่องคำสั่งประโยชน์ทดแทนที่ รง 0623/บ1/20247 ลงวันที่ 30 เมษายน 2550 เพิกถอนคำวินิจฉัยที่ 187/2551 ของคณะกรรมการอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 และให้โจทก์มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนการขาดรายได้กรณีว่างงานเป็น 90 วัน เป็นเงิน 6,750 บาท โจทก์ได้รับมาแล้ว 1,538.90 บาท คงเหลืออีก 5,211.10 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดตามกฎหมายจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า คำสั่งของสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 ที่ให้โจทก์มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในกรณีว่างงานจำนวน 22 วัน และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวชอบหรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์สรุปความได้ว่า เงินทดแทนในกรณีชราภาพมีกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ.2533 และมาตรา 46 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ระบุไว้ในข้อ 3 ว่า ให้รัฐบาล นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ออกเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพซึ่งบัญชี ค. กำหนดให้รัฐบาลออกร้อยละ 1 นายจ้างออกร้อยละ3 และผู้ประกันตนออกร้อยละ 3 กฎกระทรวงฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546 เป็นต้นไป แต่รัฐบาลไม่เคยออกเงินสมทบในอัตราร้อยละ 1 เลย เงินบำเหน็จชราภาพจึงเป็นเงินที่โจทก์และนายจ้างส่งสมทบเอง แล้วจำเลยนำไปประกอบธุรกิจหารายได้เพิ่มจ่ายผลตอบแทนจากการนำเงินไปหาดอกผลให้โจทก์ เงินจำนวนนี้จึงเป็นเงินของโจทก์โดยชอบ จำเลยไม่มีสิทธิตัดสิทธิโจทก์ที่จะไม่ให้โจทก์มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน คำสั่งของสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 ที่ให้โจทก์มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในกรณีว่างงานจำนวน 22 วัน และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง ชอบที่จะเพิกถอนเสียนั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 78 บัญญัติว่า ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานต่อเมื่อผู้ประกันตนได้จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนและต้องอยู่ภายในระยะเวลาสิบห้าเดือนก่อนการว่างงานและจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในเงื่อนไข (1) ถึง (3) โดย (3) ระบุไว้ชัดเจนว่า ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามหมวด 7 ในลักษณะนี้ซึ่งก็คือหมวดที่ว่าด้วยประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพนั่นเอง ฟ้องโจทก์ระบุว่าโจทก์ยื่นแบบขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพต่อสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 และสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 มีคำสั่งจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้ผู้ประกันตนเป็นเงิน 38,876.16 บาท แสดงว่าโจทก์และสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 ยอมรับกันว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามหมวด 7 ดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานนับแต่โจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามความในมาตรา 78 (3) ต่อไปอีก ส่วนที่โจทก์อ้างว่า รัฐบาลไม่เคยออกเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามกฎกระทรวงเลย เงินที่จ่ายให้โจทก์ไปแล้วจึงไม่ใช่เงินบำเหน็จชราภาพตามกฎหมายนั้น เห็นว่า ฟ้องโจทก์ระบุชัดเจนว่าโจทก์ยื่นแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพต่อสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 และสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 2 มีคำสั่งจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้ผู้ประกันตนเป็นเงิน 38,876.16 บาท หากจำนวนเงินประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพไม่ถูกต้องเพราะเหตุรัฐบาลยังมิได้ออกเงินสมทบเข้ากองทุนให้ดังที่โจทก์อ้าง โจทก์ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวในส่วนเกี่ยวกับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพที่ยังได้รับไม่ครบ จะอ้างว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพไม่ครบเพราะรัฐบาลยังไม่ออกเงินสมทบมาเป็นเหตุให้โจทก์ยังมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานต่อไปให้ขัดกับบทบัญญัติมาตรา 78 (3) ไม่ได้ ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน