แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ม. เจ้าของที่ดินกู้เงินโจทก์โดยนำโฉนดที่ดินพิพาทมาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน โดยระบุไว้ในสัญญากู้ว่าได้นำโฉนดที่พิพาทมาจำนองไว้ภายใน 3 ปี แม้จะไม่มีผลบังคับในทางจำนอง แต่การที่ ม. เอาที่ดินพิพาทไปโอนให้ผู้ร้องโดยเสน่หาหลังจากกู้เงินจากสามีโจทก์ไปเพียง 15 วัน ม. ย่อมรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ การที่โจทก์ลงชื่อในฐานะเจ้าของที่ดินข้างเคียง เมื่อผู้ร้องทั้งสามแยกการครอบครองกันเป็นส่วนสัดและยื่นเรื่องราวขอแบ่งแยกโฉนด ก็เป็นเรื่องปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น มิใช่เป็นการสละสิทธิที่จะบังคับคดีต่อไป กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทเพื่อขายทอดตลาดได้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยทายาทผู้รับมรดกของนายมุกลูกหนี้ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงบังคับคดีนำยึดที่ดินพิพาท
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องนายมุกบิดาผู้ร้องได้จดทะเบียนยกให้ผู้ร้องแล้ว
โจทก์ให้การว่า นายมุกกู้เงินสามีโจทก์ไป โดยนำโฉนดที่ดินแปลงพิพาทมาให้สามีโจทก์ยึดถือไว้ ต่อมานายมุกหลอกลวงเอาโฉนดที่ดินไปโอนยกให้ผู้ร้องโดยเสน่หา เพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ทำให้สามีโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ สามีโจทก์และสามีจำเลยถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยซึ่งเป็นมารดาผู้ร้องให้ชำระหนี้ เมื่อจำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโจทก์จึงมีสิทธินำยึดที่พิพาทได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยที่ดินพิพาทคืนแก่ผู้ร้องทั้งสาม
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องทั้งสาม
ผู้ร้องทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า นายมุกบิดาผู้ร้องทั้งสามกู้เงินสามีโจทก์ไป ๑๕,๐๐๐ บาท กำหนดชำระหนี้คืนภายใน ๓ ปี นายมุกและสามีโจทก์ถึงแก่กรรมโดยยังไม่มีการชำระหนี้รายนี้กัน และหนี้ตามคำพิพากษาก็คือหนี้รายนี้ เมื่อนายมุกก็เงินสามีโจทก์ไปได้ ๑๕ วัน นายมุกจดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องทั้งสาม ปี พ.ศ.๒๕๒๐ ผู้ร้องทั้งสามขอแบ่งแยกโฉนดโจทก์ลงชื่อในใบรับรองของเจ้าของที่ดินและเจ้าของที่ดินข้างเคียง ปลายปี พ.ศ.๒๕๒๐ นายมุกถึงแก่กรรม มีมรดกเป็นที่นา ๑๐ ไร่ ที่ปลูกบ้าน ๑ แปลงพร้อมบ้าน ๑ หลัง ซึ่งทายาทให้จำเลยรับมรดกเพียงผู้เดียว แต่จำเลยนำไปชำระหนี้ซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าหนี้นายมุกอยู่ และจำหน่ายมรดกไปหมดแล้ว แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่ดินพิพาทเดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของนายมุกและตามสัญญากู้ระบุว่าได้นำโฉนดที่ดินพิพาทมาจำนองไว้ภายใน ๓ ปี ซึ่งพอเข้าใจได้อย่างสามัญชนว่าเอาที่ดินพิพาทเป็นประกันเงินกู้นั่นเอง แม้จะไม่มีผลบังคับในทางจำนอง แต่การที่นายมุกเอาที่ดินพิพาทไปโอนให้ผู้ร้องโดยเสน่หาหลังจากกู้เงินสามีโจทก์ไปเพียง ๑๕ วัน นายมุกย่อมรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ การที่โจทก์ลงชื่อในฐานะเจ้าของที่ดินข้างเคียงเป็นเรื่องปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น มิใช่เป็นการสละสิทธิที่จะบังคับคดีต่อไป กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๓๗ โจทก์มีสิทธิยึดที่ดินพิพาทเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ได้
พิพากษายืน