แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การคำนวณกำไรสุทธิสำหรับเก็บภาษีต้องบังคับตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาคำนวณนั้น แม้ว่าผลกำไรหรือขาดทุนจะเกิดขึ้นในระหว่างยังใช้กฎหมายเดิมที่ยกเลิกไปแล้วก็ตาม ไม่เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลัง เพราะเป็นการคำนวณตามวิธีการในกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะคำนวณกำไรเพื่อจะเก็บภาษี จะนำเอากฎหมายที่ยกเลิกไปมาใช้ในการคำนวณเพื่อเก็บภาษีไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคล ประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้ โจทก์ได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่อจำเลย จำเลยสั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยให้การว่า คำวินิจฉัยอุทธรณ์ถูกต้องแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิเอาผลขาดทุนใน พ.ศ. ๒๕๐๑ มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไนสุทธิปี ๒๕๐๓ ได้ จึงให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ประเด็นที่ฎีกาว่าผลขาดทุนใน พ.ศ. ๒๕๐๑ จะคิดหักออกจากกำไร พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้หรือไม่นั้น การคำนวณกำไรสุทธิสำหรับภาษีในกำไรสุทธิรอบระยะเวลาบัญชี พ.ศ. ๒๕๐๓ ต้องบังคับตามกฎหมายในเวลานั้น คือ ประมวลรัษฎากรฉบับที่ ๑๖ ซึ่งยอมให้หักผลขาดทุนสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีปี ๒๕๐๑ ด้วย ไม่เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลัง เพราะเป็นการคำนวณตามวิธีการในกฎหมายที่ใช้ในขณะคำนวณกำไร พ.ศ. ๒๕๐๓ เพื่อเก็บภาษีจะนำเอากฎหมายที่ยกเลิกไปมาใช้ในการเก็บภาษีจากกำไร พ.ศ. ๒๕๐๓ ไม่ได้ และมิใช่ว่าเมื่อใช้กฎหมายใหม่แล้ว ผลขาดทุนใน พ.ศ. ๒๕๐๑ ไม่เป็นผลขาดทุนต่อไป
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย