คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4690/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดตามฟ้อง และศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 รวมทั้งเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 จนคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม หากต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขคำพิพากษาที่เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 เนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 และถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่เคยถูกลงโทษจำคุกมาก่อนตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ก็จะเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ และให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง กับให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ตามกฎหมาย
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขคำพิพากษาในส่วนที่เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ เนื่องจากได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำร้องของจำเลยที่ ๑ เป็นการขอให้แก้ไขคำพิพากษาซึ่งได้อ่านแล้วและมิใช่การแก้ไขถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๐ ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ ๑ ว่า จำเลยที่ ๑ ควรได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า ในคดีหมายเลขแดงที่ ๑๑๙๑/๒๕๓๙ ดังกล่าวจำเลยที่ ๑ ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๓๘ จำเลยที่ ๑ ถูกควบคุมตัวตลอดมาจนกระทั่งศาลชั้นต้นพิพากษาในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๓๙ จำเลยที่ ๑ พ้นโทษในคดีดังกล่าวในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๙ ซึ่งเป็นวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ ๑ ยกขึ้นฎีกานั้น โจทก์ได้รับสำเนาฎีกาจำเลยที่ ๑ แล้ว ไม่ได้ยื่นคำแก้ฎีกาของจำเลยที่ ๑ แต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติได้ตามที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาขึ้นมา ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย และเป็นการเทิดพระเกียรติในพระบรมเดชานุภาพและเสริมบุญญาบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ต้องด้วยความเห็นศาลฎีกา จำเลยที่ ๑ ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ และถือว่าจำเลยที่ ๑ ไม่เคยถูกลงโทษในคดีความผิดฐานบุกรุกตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ๑๑๙๑/๒๕๓๙ ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จะเพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ ไม่ได้ ฎีกาจำเลยที่ ๑ ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share