แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อความในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ข้อ 5 ที่ว่า “ผู้ว่าจ้าง(จำเลย) ตกลงจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง (โจทก์) เป็นจำนวนเงิน 36,977 บาท เมื่อผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างตกลงทำสัญญาจ้างเหมา เงินส่วนที่เหลือจะจ่ายเป็นงวด งวดละ 1 เดือน ตามผลงานที่ผู้รับจ้างทำเสร็จจริงและได้ผ่านการตรวจรับงานจากบริษัท ว. และและวิศวกรผู้ควบคุมงานแล้ว โดยผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้ว่าจ้างได้รับเงินงวดนั้นจากบริษัท ว.” นั้น สามารถแยกพิจารณาได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกที่ว่า “เงินส่วนที่เหลือจะจ่ายเป็นงวด งวดละ 1 เดือน ตามผลงานที่ผู้รับจ้างทำเสร็จจริง และได้ผ่านการตรวจรับงานตามที่ระบุไว้ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง แต่ข้อความส่วนที่สองที่ว่า” โดยผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้ว่าจ้างได้รับเงินงวดนั้นจากบริษัทว.” หาใช่เงื่อนไขบังคับก่อนที่จะกำหนดการชำระเงินค่าจ้างไม่ เป็นแต่เพียงข้อตกลงที่มุ่งหมายให้จำเลยเร่งรัดให้บริษัท ว. ชำระค่าก่อสร้างแก่จำเลยตามสัญญาที่จำเลยทำกับบริษัท ว. เพื่อนำเงินมาชำระแก่โจทก์เมื่อโจทก์ทำงานเสร็จและผ่านการตรวจรับงานตามเงื่อนไขในสัญญาส่วนแรกแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ทำงานเสร็จส่งมอบงานและมีการตรวจรับงานตามเงื่อนไขแล้ว จำเลยต้องชำระค่าจ้างให้โจทก์ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยยังไม่ได้รับเงินงวดจากบริษัท ว. จึงไม่ต้องชำระค่าจ้างให้โจทก์หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับจ้างบริษัทไวทเฮาซ์เทาเออ จำกัดก่อสร้างอาคารและจำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ติดตั้งท่อระบายอากาศในอาคารดังกล่าวโจทก์ติดตั้งเสร็จตามสัญญาแล้ว จำเลยชำระค่าจ้างให้ไม่ครบ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างที่ค้างจำนวน 102,241 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่าจำเลยได้รับจ้างบริษัทไวทเฮาซ์เทาเออ จำกัด ก่อสร้างอาคารและจำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ติดตั้งท่อระบายอากาศในอาคารดังกล่าว โจทก์ติดตั้งเสร็จตามสัญญาแล้ว มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าจ้างที่ค้าง จำนวน 102,241 บาท จำเลยมีหนังสือตอบว่าจำเลยยอมรับในยอดหนี้ แต่จำเลยยังไม่ยอมชำระเงินส่วนที่ค้าง อ้างว่าจำเลยยังไม่ได้รับเงินจากบริษัทไวทเฮาซ์เทาเออจำกัด คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ข้อความในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างระหว่างโจทก์กับจำเลย ข้อ 5 เป็นเงื่อนไขในการชำระเงินหรือไม่ปรากฏว่า ตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างดังกล่าว ข้อ 5 มีข้อความว่า”ผู้ว่าจ้าง (จำเลย) ตกลงจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง (โจทก์)เป็นจำนวนเงิน 36,977 บาท เมื่อผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างตกลงทำสัญญาจ้างเหมา เงินส่วนที่เหลือจะจ่ายเป็นงวด งวดละ 1 เดือนตามผลงานที่ผู้รับจ้างทำเสร็จจริง และได้ผ่านการตรวจรับงานจากบริษัทไวทเฮาซ์เทาเออ จำกัด และวิศวกรผู้ควบคุมงานแล้วโดยผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้ว่าจ้างได้รับเงินงวดนั้นจากบริษัทไวทเฮาซ์เทาเออจำกัด” นั้น สามารถแยกพิจารณาได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกที่ว่า”เงินส่วนที่เหลือจะจ่ายเป็นงวด งวดละ 1 เดือน ตามผลงานที่ผู้รับจ้างทำเสร็จจริง และได้ผ่านการตรวจรับงานจากบริษัทไวทเฮาซ์เทาเออ จำกัด และวิศวกรผู้ควบคุมงานแล้ว” เป็นเงื่อนไขในการชำระเงินค่าจ้าง กล่าวคือ หากโจทก์ทำงานไม่เสร็จหรือทำงานเสร็จแต่ไม่ผ่านการตรวจรับงานตามที่ระบุไว้โจทก์ก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง แต่ข้อความส่วนที่สองที่ว่า” โดยผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้ว่าจ้างได้รับเงินงวดนั้นจากบริษัทไวทเฮาซ์เทาเออจำกัด” หาใช่เงื่อนไขบังคับก่อนที่จะกำหนดการชำระเงินค่าจ้างไม่เป็นแต่เพียงข้อตกลงที่มุ่งหมายให้จำเลยเร่งรัดให้บริษัทไวทเฮาซ์เทาเออ จำกัด ชำระค่าก่อสร้างแก่จำเลยตามสัญญาที่จำเลยทำกับบริษัทไวทเฮาซ์เทาเออ จำกัด เพื่อนำเงินมาชำระให้โจทก์เมื่อโจทก์ทำงานเสร็จและผ่านการตรวจรับงานตามเงื่อนไขในสัญญาส่วนแรกแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ทำงานเสร็จส่งมอบงานและมีการตรวจรับงานตามเงื่อนไขแล้ว จำเลยต้องชำระค่าจ้างให้โจทก์ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยยังไม่ได้รับเงินงวดจากบริษัทไวทเฮาซ์เทาเออ จำกัด จึงไม่ต้องชำระค่าจ้างให้โจทก์หาได้ไม่
พิพากษายืน