แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า เครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียน ซึ่งนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ดำเนินการจดทะเบียนให้นั้นคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า จำเลยให้การว่า เครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนไม่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่า เครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์หรือไม่ แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทในการชี้สองสถานไว้ว่า คำวินิจฉัยของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก็ย่อมมีความหมายจำกัดเฉพาะประเด็นที่โต้เถียงกันในคำฟ้องคำให้การเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำวินิจฉัยของจำเลยชอบแล้วเพราะเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนได้มีการจดทะเบียนในต่างประเทศผู้ขอจดทะเบียนได้ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวมาแล้วในต่างประเทศโดยสุจริตแม้เครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนจะคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์และใช้กับสินค้าชนิดเดียวกันก็ตาม นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าย่อมรับจดทะเบียนได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 18คำวินิจฉัยของจำเลยในฐานะนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ให้รับจดทะเบียนโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น เครื่องหมายการค้าของโจทก์ในส่วนประกอบ 3 ส่วน ส่วนบนเป็นอักษรโรมันคำว่า “ANCHORBRAND” มีลักษณะโค้งเลี้ยวเป็นวงกลมคว่ำลง ส่วนกลางเป็นรูปสมอเรือและส่วนล่างเป็นอักษรภาษาไทยคำว่า “ตราสมอ” ส่วนเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนเป็นอักษรโรมัน 2 คำ อยู่ตรงบรรทัดเดียวกัน คำหนึ่งว่า “ULYSSE”อีกคำหนึ่งว่า “NARDIN” ระหว่างคำทั้งสองนี้มีรูปภาพสมอเรือตั้งเอียงไปทางขวาเล็กน้อย ลักษณะภาพสมอเรือเองตัดกับอักษรโรมันเป็นรูปกากบาท เมื่อเปรียบเทียบเครื่องหมายการค้าของโจทก์กับเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนแล้ว ลักษณะโครงสร้างหรือการวางรูปของเครื่องหมายการค้าทั้งสองรายต่างกันมากเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนจึงไม่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ส่วนเครื่องหมายการค้าอีกเครื่องหมายหนึ่งของโจทก์เป็นรูปสมอเรือ (ไม่มีโซ่) ตั้งอยู่บนข้อความอักษรโรมันว่า “SPERA”แตกต่างกับเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนทั้งในภาพรวมตัวรูปสมอเรือ การวางรูป ข้อความภาษาโรมันเครื่องหมายการค้าของโจทก์และเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนจึงไม่คล้ายกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจำเลยที่สั่งให้ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 135614 และห้ามจำเลยรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 135614
จำเลยให้การว่าเครื่องหมายการค้าของทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกันโอกาสที่สาธารณชนจะหลงผิดย่อมเกิดขึ้นได้ยากเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนจึงไม่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ชอบที่จะรับจดทะเบียนได้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า เครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ แต่เครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนได้มีการจดทะเบียนในต่างประเทศ ผู้ขอจดทะเบียนได้ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวมาแล้วในต่างประเทศโดยสุจริต แม้เครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนจะคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์และใช้กับสินค้าชนิดเดียวกันก็ตาม นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าย่อมรับจดทะเบียนได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474มาตรา 18 ดังนั้น คำวินิจฉัยของจำเลยในฐานะนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ให้รับจดทะเบียนจึงชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งจำเลยที่สั่งให้ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 135614 ห้ามจำเลยรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ดังกล่าว
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์มีอาชีพขายนาฬิกาและเครื่องอะไหล่โดยตั้งร้านชื่อว่าย่งไถ่พานิชจดทะเบียนพาณิชย์เมื่อปี 2515 ตามเอกสารหมาย จ.1 และใช้เครื่องหมายการค้าตราสมอตามคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเอกสารหมาย จ.2โดยขอจดทะเบียนเมื่อปี 2523 นาฬิกาที่โจทก์ผลิตจำหน่ายมีหลายรูปแบบตามภาพถ่ายหมาย จ.3 บิลเงินสดที่โจทก์ออกให้แก่ลูกค้าจะมีข้อความว่าจำหน่ายนาฬิกาตราสมอทุกชนิด ตามเอกสารหมาย จ.4ถึง จ.7 เครื่องหมายการค้าของโจทก์แพร่กระจายไปทั่วประเทศโจทก์ยังขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตราสมออีก 1 เครื่องหมายในปีเดียวกันนั้นตามเอกสารหมาย จ.8 ก่อนที่นายทะเบียนจะรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ได้มีการประกาศในหนังสือจดหมายเหตุแสดงรายการเครื่องหมายการค้าไม่มีผู้ใดคัดค้าน และมีข้อจำกัดว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้งสองเครื่องหมายเป็นชุดเดียวกันถ้ามีการโอนจะไม่แยกโอนตามเอกสารหมาย จ.9 ถึง จ.12 เมื่อปี2529 บริษัทมานูแฟคเจอร์ เอตฟาบริค เดอ มอนเตรส เอตโครโนมีเตรสยูลีสส์ นาร์ดิน เลอ โลเคิล เอส.เอ. จำกัด ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามเอกสารหมาย จ.14 หรือ ล.1 ต่อจำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าผู้ขอจดทะเบียนจดทะเบียนในสินค้าประเภทนาฬิกาเช่นเดียวกับของโจทก์ โจทก์ได้ทำคำคัดค้านการขอจดทะเบียนต่อจำเลยในฐานะนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า ผู้ขอจดทะเบียนได้ทำคำโต้แย้งจำเลยได้วินิจฉัยว่าเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนมิได้คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์และชอบที่จะรับจดทะเบียนได้ตามเอกสารหมาย จ.17
พิเคราะห์แล้ว มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลย 2 ประเด็นคือ ประเด็นข้อแรก คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นจึงเป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบหรือไม่และประเด็นข้อหลังเครื่องหมายการค้าของบริษัทมานูแฟคเจอร์เอตฟาบริค เดอ มอนเตรส เอตโครโนมีเตรส ยูลีสส์ นาร์ดิน เลอ โลเคิลเอส.เอ. จำกัด ที่ยื่นขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ 135614 คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์อันจะทำให้คำวินิจฉัยของจำเลยไม่ชอบหรือไม่
สำหรับในประเด็นข้อแรกนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องอ้างว่าเครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 135614เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จึงได้ยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนต่อจำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจำเลยได้พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ดังกล่าวไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จึงยกคำคัดค้านของโจทก์และให้ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอดังกล่าว โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของจำเลย เพราะเครื่องหมายการค้าดังกล่าวคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของจำเลย จำเลยให้การเป็นใจความว่าเครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ 135614 ไม่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ชอบที่จะให้จดทะเบียนได้ ฉะนั้น ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่าเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 135614 คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์หรือไม่ แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นในการชี้สองสถานไว้ว่าคำวินิจฉัยของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็ย่อมมีความหมายจำกัดเฉพาะในประเด็นที่โต้เถียงกันในคำฟ้องคำให้การเท่านั้น กล่าวคือ มีประเด็นว่าคำวินิจฉัยของจำเลยชอบด้วยกฎหมายเพราะเครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ 135614 ไม่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์หรือไม่ นั่นเอง ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคำวินิจฉัยของจำเลยชอบแล้วเพราะเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนได้มีการจดทะเบียนในต่างประเทศ ผู้ขอจดทะเบียนได้ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวมาแล้วในต่างประเทศโดยสุจริต แม้เครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนจะคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์และใช้กับสินค้าชนิดเดียวกันก็ตาม นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าย่อมรับจดทะเบียนได้ ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474มาตรา 18 คำวินิจฉัยของจำเลยในฐานะนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ให้รับจดทะเบียนจึงชอบด้วยกฎหมายนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น คำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ในประเด็นนี้ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนประเด็นข้อหลังที่ว่า เครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ 135614 คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์หรือไม่นั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ 135614 คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ แต่เครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนได้มีการจดทะเบียนในต่างประเทศ ผู้ขอจดทะเบียนได้ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวมาแล้วในต่างประเทศโดยสุจริต นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าย่อมรับจดทะเบียนได้ จึงพิพากษายกฟ้อง แม้โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยนอกประเด็น แต่จำเลยก็ได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ในประเด็นที่ว่าเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์หรือไม่ ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้ขอจดทะเบียนได้ใช้เครื่องหมายการค้าในต่างประเทศมาโดยสุจริต นายทะเบียนมีอำนาจรับจดทะเบียนได้นั้นเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ศาลอุทธรณ์จึงได้วินิจฉัยต่อไปในประเด็นที่ว่าเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์หรือไม่ แล้วพิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่สั่งให้ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอของผู้ขอจดทะเบียนประเด็นที่ว่าเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์หรือไม่นี้จึงยังไม่ยุติจำเลยชอบที่จะฎีกาต่อมาได้ ในประเด็นนี้ ปรากฎว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีสองเครื่องหมาย คือ เครื่องหมายการค้าตามเอกสารหมาย จ.2 กับเครื่องหมายการค้าตามเอกสารหมาย จ.8ส่วนเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ 135614 ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 สำหรับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.2 นั้น มีส่วนประกอบสามส่วน คือ ส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่าง ส่วนบนเป็นอักษรโรมันคำว่า “ANCHOR BRAND” ในลักษณะโค้งเลี้ยวเป็นวงกลมคว่ำลง ส่วนกลางเป็นรูปสมอเรือ และส่วนล่างเป็นอักษรภาษาไทยว่า “ตราสมอ” สำหรับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.8 นั้น มีสองส่วน ส่วนบนเป็นรูปสมอเรือ (ไม่มีโซ่)ส่วนล่างเป็นตัวอักษรโรมันว่า “SPERA” ส่วนเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ 135614 ตามเอกสารหมาย ล.1 นั้นมีอักษรโรมันสองคำ อยู่ตรงบรรทัดเดียวกัน คำหนึ่งว่า “ULYSSE”อีกคำหนึ่งว่า “NARDIN” ระหว่างคำทั้งสองนี้มีรูปภาพสมอเรือตั้งเอียงไปทางขวาเล็กน้อย ในลักษณะภาพสมอเรือเองตัดกับอักษรโรมันเป็นรูปกากบาท ฉะนั้น เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.2 กับเครื่องหมายการค้าตามเอกสารหมาย ล.1 แล้วจะเห็นได้ว่า ลักษณะโครงสร้างหรือการวางรูปของเครื่องหมายการค้าทั้งสองรายนี้ต่างกันมาก คือของโจทก์มีสามส่วนของผู้ขอจดทะเบียนมีเพียงสองส่วนขาดอักษรภาษาไทย ของโจทก์มีสามส่วนเรียงกันลงมาจากบนลงมาล่างเรียงกันตามแนวดิ่งเป็นสามบรรทัดตามลำดับดังนี้คือ อักษรโรมันว่า “ANCHOR BRAND” รูปสมอเรือ และอักษรภาษาไทยว่า “ตราสมอ” โดยอักษรโรมันเป็นบรรทัดโค้งส่วนของผู้ขอจดทะเบียนเป็นลักษณะรูปกากบาทตัดกันระหว่างอักษรโรมันว่า “ULYSSE NARDIN” กับภาพสเก็ตของสมอเรือรูปสมอเรือก็ต่างกันมากทั้งลายเส้น แนวตั้ง และส่วนประกอบที่มีโซ่กับไม่มีโซ่อักษรโรมันเป็นคนละคำและวางอยู่คนละตำแหน่ง ลักษณะการวางของโจทก์เป็นบรรทัดโค้ง ส่วนของผู้ขอจดทะเบียนเป็นบรรทัดตรงทั้งการที่ของโจทก์มีอักษรภาษาไทย ส่วนของผู้ขอจดทะเบียนไม่มีอักษรภาษาไทยย่อมเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนยิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงฟังได้ว่าเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ 135614ไม่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.2 ที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว อันชอบที่จำเลยจะให้ดำเนินการจดทะเบียนได้
สำหรับการเปรียบเทียบระหว่างเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.8 กับเครื่องหมายการค้าของผู้ขอจดทะเบียนตามเอกสารหมาย ล.1 นั้น เห็นได้ว่า เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปสมอเรือ (ไม่มีโซ่) ตั้งอยู่บนข้อความอักษรโรมันว่า”SPERA” ส่วนของผู้ขอจดทะเบียนมีลักษณะรูปกากบาทระหว่างรูปสมอเรือตัดกับอักษรโรมันรูปสมอเรือของโจทก์เป็นรูปภาพเหมือนตั้งตรงของผู้ขอจดทะเบียนเป็นภาพสเก็ตตั้งเอียง ข้อความอักษรโรมันก็เป็นคนละคำจึงแตกต่างกันทั้งในภาพรวม ตัวรูปสมอเรือ การวางรูปและข้อความภาษาโรมันเครื่องหมายการค้าทั้งสองนี้จึงไม่คล้ายกันอีกเช่นกัน ชอบที่จำเลยจะอนุญาตให้ดำเนินการจดทะเบียนได้คำวินิจฉัยของจำเลยจึงชอบแล้วคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ในประเด็นนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น