คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4052/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติ ให้ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้ นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ย่อมเป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไปแล้ว การที่จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายหลังเมื่อเกินกำหนด อายุอุทธรณ์แล้ว จะถือว่าศาลได้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียม ให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 หาได้ไม่ และกรณีไม่ใช่เรื่องของการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาล โดยถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วน เสียก่อนที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสองให้ทำการซ่อมแซมตึกแถวโดยตกลงจะชำระค่าซ่อมแซมให้แก่โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท โจทก์ทั้งสองได้ทำการซ่อมแซมตึกแถวดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยและจำเลยได้ตรวจรับมอบแล้วแต่ไม่ชำระค่าซ่อมแซมให้แก่โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาและบังคับ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ที่ ๒ ให้ทำการซ่อมแซมตึกแถวตามฟ้อง มิได้จ้างโจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๒ ผิดสัญญาไม่ทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อย จำเลยจึงได้บอกเลิกสัญญาและว่าจ้างผู้อื่นแทน การที่โจทก์ที่ ๒ ผิดสัญญาทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ที่ ๒ ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ที่ ๒ มิได้ผิดสัญญาและจำเลยไม่เสียหาย
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วนัดสืบพยานจำเลย แต่ถึงวันเวลานัดจำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและนัดฟังคำพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งเสร็จ จำเลยได้มาศาลและแถลงว่าทนายจำเลยไม่มาศาลโดยไม่ทราบสาเหตุ และจำเลยมีกิจธุระจำเป็นขอตั้งทนายใหม่โดยขอสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ที่ ๒ ตามคำฟ้อง ให้ยกฟ้องแย้งและยกฟ้องของโจทก์ที่ ๑
จำเลยอุทธรณ์ในวันสุดท้ายที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ แต่ไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์และได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลด้วย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งให้จำเลยวางเงินให้ครบภายในระยะเวลาตามที่กำหนดเสียก่อนถ้าสั่งแล้วไม่ปฏิบัติจึงจะไม่รับอุทธรณ์ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘ มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลย และเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นการประวิงคดี พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๙ บัญญัติบังคับไว้ว่า ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ปรากฏว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์โดยไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ย่อมเป็นการไม่ชอบ และเห็นว่าสำหรับกรณีนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไปแล้ว การที่จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายหลังเมื่อเกินกำหนดอายุอุทธรณ์แล้ว จะถือว่าศาลได้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ ไม่ได้ และกรณีไม่ใช่เรื่องของการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘ ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อนที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์นำบทกฎหมายดังกล่าวมาบังคับแก่กรณีนี้ และเห็นว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้มีคำสั่งให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลจึงสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้ย่อมเป็นการไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะรับไว้พิจารณา ปัญหาว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบชอบหรือไม่ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไป ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share