คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้องผู้สั่งจ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ภายในเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดใช้เงิน เมื่อวันออกเช็คตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาซึ่งเป็นวันหยุดราชการและวันหยุดของธนาคารโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ อายุความจึงเริ่มนับในวันรุ่งขึ้นของวันออกเช็ค และเมื่อวันสุดท้ายซึ่งครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาและติดต่อกับวันเสาร์วันอาทิตย์ตามลำดับ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยในวันจันทร์ซึ่งเป็นวันที่เริ่มทำงานใหม่ได้
วันหยุดราชการเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป จึงไม่จำต้องบรรยายฟ้องหรือนำสืบแสดงเหตุผลให้ปรากฏ และข้อที่ว่าถ้าวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเป็นวันหยุดราชการ ให้นับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วย เป็นข้อกฎหมายซึ่งศาลรับรู้เองและศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาดินแดงให้แก่โจทก์รวม ๒ ฉบับ รวมเป็นเงิน ๗๕,๓๙๓ บาท เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้า เมื่อเช็คทั้ง ๒ ฉบับถึงกำหนด โจทก์นำเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาหลังวังบูรพา เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยขอผัดผ่อน จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คทั้งสองฉบับ จำเลยไม่เคยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ เช็คพิพาทฉบับลงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๒ จึงขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้ให้โจทก์ แต่เช็คฉบับลงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๒ ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทอีกฉบับหนึ่ง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ภายในเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดใช้เงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๒ และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๘ บัญญัติว่า “ถ้าระยะเวลานับเป็นวันก็ดี สัปดาหะก็ดี เดือนหรือปีก็ดี ท่านมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมคำนวณเข้าด้วย เว้นแต่จะเริ่มการงานในวันนั้นเอง ตั้งแต่เวลาอันเป็นกำหนดเริ่มทำการงานกันตามประเพณี” วันออกเช็คเอกสารหมาย จ.๑ ลงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๒ เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็นวันหยุดราชการและเป็นวันหยุดของธนาคาร โจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินในวันนั้นได้ อายุความจึงเริ่มนับแต่วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๒ เป็นต้นไป ซึ่งจะครบเวลาหนึ่งปีในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๓แต่วันสุดท้ายซึ่งครบเวลาหนึ่งปีดังกล่าวเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา ทั้งวันที่ ๖ และวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๒๓ เป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ตามลำดับซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คฉบับลงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๒ (เอกสารหมาย จ.๑) จากจำเลยในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๒๓ ซึ่งเป็นวันที่เริ่มทำงานใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๑ แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบแสดงเหตุผลให้เห็นว่าเหตุใดจึงนำคดีมาฟ้องเมื่อพ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดใช้เงิน แต่วันหยุดราชการเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้จักกันอยู่ทั่วไป และข้อที่ว่าถ้าวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเป็นวันหยุดราชการให้นับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วย เป็นกฎหมายซึ่งศาลรับรู้เอง ศาลจึงหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษายืน

Share