คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

+คดีเรื่องโฆษนาหมิ่นประมาทนั้นจะต้องพิจารณาข้อความที่โฆษนาทั้งหมดประกอบกันเพื่อพิเคราะห์+ความมุ่งหมายอันแท้จริงของคำโฆษนาจะตัดตอนเอาแต่ฉะเพาะตอนใดตอนหนึ่งขึ้นพิจารณาได้ไม่ วิธีพิจารณาอาชญา ฟ้อง,ตัดสิน

ย่อยาว

คดีนี้เดิมโจทก์ถูกฟ้องหาว่าแจ้างความเท็จทำพะยานเท็จแลแกล้งหาว่า ช.กับพวกบอยคอตสินค้ายี่ปุ่นแลเป็นคอมมูนิสต์ศาลโบริสภาไต่สวนเห็นว่คดีมีมูลจึงให้ส่งฟ้องยังศาลสูง จำเลยเป็นเจ้าของแลบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายวันฉะบับ ๑ ได้ลงข้อความว่า ฯลฯ เรื่องนายเองกิมแชถูกฟ้อง ศาลแรกไต่สวนเห็นว่าคดีมีมูลได้สั่งให้ส่งศาลแรกไต่สวนเห็นว่าคดีมีมูลได้สั่งให้ส่งศาลพระราชอาชญาแล้ว เรื่องนี้มีคำให้การของนายตำรวจพอเป็นหลักฐานว่านายเองกิมแข(คือโจทก์) มีความผิดฐานเจตนาแต่งคำเท็จใส่ร้ายกับแจ้งความเท็จต่อกรมตำรวจ ฯลฯ แลไม่นึกเลยว่านายเองกิมแชมาถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดฐานเจตนาใส่ร้ายคนอื่นจริง ฯลฯ ” โจทก์จึงฟ้องหาว่าข้อความที่จำเลยโฆษนาเป็นการกล่าวหาว่าโจทก์ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดซึ่งไม่เป็นความจริงจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
ศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าในเรื่องโฆษนาหมิ่นประมาทนั้นจะตัดตอนเอาแต่ฉะเพาะข้อความตอนใดตอนหนึ่งขึ้นพิจารณาหาได้ไม่เพราะข้อความทั้งเรื่องย่อมเกี่ยวโยงถึงกันแลต่างประกอบซึ่งกันแลกันให้เห็นความหนักเบาแลความมุ่งหมายอันแท้จริงของคำโฆษนาในเรื่องนี้จึงต้องพิจารณาข้อความที่จำเลยโฆษนาทั้งหมดรวมกัน แลเห็นว่าข้อความที่จำเลยลงโฆษนาไม่เป็นการผิดจากใจความแห่งคำสั่งศาลโปริสภา จึงไม่เห็นเป็นการหมิ่นประมาทดังฟ้องของโจทก์ พิพากษายืนตามศาลล่าง

Share