แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินที่การประปานครหลวงจ่ายจากกองทุนสงเคราะห์ตามข้อบังคับซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการประปานครหลวงฯ มิใช่ค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานฯแม้ตามข้อบังคับนั้นให้ถือว่าเงินกองทุนสงเคราะห์เป็นค่าชดเชยก็ไม่ชอบ ไม่มีผลบังคับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุครบเกษียณอายุแต่ไม่จ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมาย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ 12,600 บาท
จำเลยให้การว่า ได้จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์แล้ว คือจ่ายเงินจากกองทุนสงเคราะห์ 8,681.70 บาท ตามข้อบังคับของจำเลยและข้อบังคับนั้นให้ถือว่าเป็นค่าชดเชย กับได้จ่ายเพิ่มให้โจทก์อีก 3,918.30 บาทเมื่อรวมเงิน 2 รายนี้แล้วเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า เงินที่จำเลยจ่ายให้โจทก์เป็นค่าชดเชย จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์อีก พิพากษายกฟ้อง
ผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้างทำความเห็นแย้งว่า จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ตามฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า เงินที่จำเลยจ่ายจากกองทุนสงเคราะห์ตามข้อบังคับการประปานครหลวง ฉบับที่ 6ออกตามความในพระราชบัญญัติการประปานครหลวง พ.ศ. 2510 มาตรา 24(8) จำนวน 8,681.50 บาท เป็นเงินที่จำเลยต้องจ่ายตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ส่วนเงินค่าชดเชยนั้นเป็นเงินซึ่งต้องจ่ายตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16มีนาคม 2515 ซึ่งเป็นกฎหมายเช่นกัน เงินจากกองทุนสงเคราะห์ จึงมิใช่ค่าชดเชย แต่เป็นเงินอีกประเภทหนึ่งซึ่งจำเลยต้องจ่ายให้โจทก์นอกเหนือไปจากค่าชดเชย การที่ข้อบังคับของจำเลยให้ถือว่าเงินกองทุนสงเคราะห์ที่จ่ายให้โจทก์เป็นค่าชดเชยนั้นไม่ชอบ ไม่มีผลบังคับ ส่วนเงินจำนวน 3,918.30 บาท มิใช่เงินที่จ่ายตามข้อบังคับดังกล่าว แต่เป็นเงินที่จำเลยจ่ายเพิ่มให้โจทก์เพื่อให้โจทก์ได้รับเงินจากจำเลยเท่าจำนวนค่าชดเชยตามกฎหมายจึงถือได้ว่าเป็นค่าชดเชย เมื่อจำเลยจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ 12,600 บาท แต่จำเลยจ่ายให้โจทก์แล้ว 3,918.30 บาท ยังคงขาดอยู่ 8,681.70 บาท จำเลยจะต้องจ่ายให้ครบ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยอีก 8,681.70 บาทให้โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง