แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ที่ 3 ซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่ น.ส. 3 ก. มาจากย. โดยทำสัญญาซื้อขายกันเอง และโจทก์ที่ 3 ได้ครอบครองที่พิพาทมาโดยตลอด โจทก์ที่ 3 ย่อมได้สิทธิครอบครอง การที่ผู้ว่าราชการจังหวัด จำเลยมีคำสั่งเพิกถอน น.ส. 3 ก. ที่พิพาทจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่ 3 ดังนี้ โจทก์ที่ 3 มีอำนาจฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องเป็นใจความว่า โจทก์ที่ 1 และ 2 เป็นเจ้าของที่ดินคนละแปลง โดยไม้แจ้ง ภ.บ.ท. 6 ภ.บ.ท. 5 ไว้เป็นหลักฐานและเสียภาษีบำรุงท้องที่ตลอดมาโดยไม่มีผู้ใดเข้าเกี่ยวข้องคัดค้าน ต่อมาโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ได้ไปแจ้งขอออก น.ส. 3 ก.โดยถูกต้องตามระเบียบแบบแผนและขั้นตอนของทางราชการแล้ว ส่วนโจทก์ที่ 3 ได้ซื้อที่นาอีกแปลงหนึ่งจากนายยุ่ง ซึ่งได้ออก น.ส. 3 ก.ไว้แล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายไว้แต่ยังไม่ได้โอนทางทะเบียน โจทก์ที่ 3 ได้เข้าครอบครองที่นาดังกล่าวตลอดมาเป็นเวลา 3 ปีเศษ ต่อมาจำเลยได้สั่งเพิกถอน น.ส. 3 ก.ของโจทก์ทั้งสาม อ้างว่าทับที่สาธารณประโยชน์ ทำเลเลี้ยงสัตว์บ้านเมืองยาง (หนองบัวแดง) และสั่งให้โจทก์ทั้งสามออกจากที่นาดังกล่าว ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลย
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การเป็นใจความว่า พิพาททั้งสามแปลงเป็นส่วนหนึ่งของที่ทำเลเลี้ยงสัตว์สาธารณประโยชน์บ้านเมืองยาง”หนองบัวแดง” อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกันมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว การที่เจ้าหน้าที่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ให้ไป จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นอำนาจของจำเลยชอบที่จะดำเนินการเพิกถอนเสียได้ตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334 หนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส. 3 ก.) เลขที่ 5049 มีชื่อนายยุ่งเป็นเจ้าของ โจทก์ที่ 3อ้างว่าซื้อมาจากนายยุ่ง แต่เมื่อมิได้ทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาซื้อขายย่อมเป็นโมฆะ การที่จำเลยสั่งเพิกถอน น.ส. 3 ก. ของนายยุ่งจึงมิใช่โต้แย้งสิทธิโจทก์ที่ 3 นอกจากนี้โจทก์ที่ 3 เคยถูกฟ้องคดีอาญาฐานร่วมกันบุกรุกที่ดินพิพาทแปลงนี้ ซึ่งในคดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทแปลงนี้อยู่ในเขตทำเลเลี้ยงสัตว์หนองบัวแดงซึ่งทางราชการได้ออก น.ส. 3 ก.ให้แก่นายยุ่ง แต่ฟังว่าจำเลย (โจทก์ที่ 3 ในคดีนี้) ขาดเจตนาจึงพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดตามสำเนาภาพถ่ายคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2255/2524 คดีหมายเลขแดงที่ 802/2525 ของศาลชั้นต้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทตามฟ้องเป็นของโจทก์ที่ 1 ที่ 2และที่ 3 โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาที่ 790/2525 เรื่อง การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ลงวันที่ 12 มีนาคม 2525 ที่สั่งให้เพิกถอนน.ส. 3 ก. เลขที่ 5051 เล่ม 51 ข. หน้า 1 ตำบลเมืองยาง อำเภอชุมพวงจังหวัดนครราชสีมา มีชื่อโจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของ น.ส. 3 ก.เลขที่ 5050 เล่ม 51 ก. หน้า 50 ตำบลเมืองยาง อำเภอชุมพวงจังหวัดนครราชสีมา มีชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของ น.ส. 3 ก.เลขที่ 5049 เล่ม 51 ก. หน้า 49 ตำบลเมืองยาง อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา ของโจทก์ที่ 3 ซึ่งมีชื่อนายยุ่ง ธรรมเริง เป็นเจ้าของ
จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า กรมที่ดินได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 5151 เลขที่ 5050 เลขที่ 5049 ให้แก่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2และนายยุ่ง ธรรมเริง ตามลำดับ ตามเอกสารหมารย 5049 ให้แก่โจทก์ที่ 1โจทก์ที่ 2 และนายยุ่ง ธรรมเริง ตามลำดับ ตามเอกสารหมาย จ.22,จ.32, จ.34 นายยุ่งขายที่ดินตามเอกสารหมาย จ.34 ให้แก่โจทก์ที่ 3ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม 2525 จำเลยมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ทั้งสามฉบับดังกล่าว ข้อที่ต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกามีว่า ที่พิพาทของโจทก์ทั้งสามตามเอกสารหมาย จ.22, จ.32 และ จ. 34 เป็นทำเลเลี้ยงสัตว์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ การออก น.ส. 3 ก. ทั้งสามฉบับชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยมีอำนาจเพิกถอน น.ส. 3 ก. ดังกล่าวหรือไม่ และโจทก์ที่ 3 มีอำนาจฟ้องหรือไม่…ข้อนำสืบของโจทก์ทั้งสามมีน้ำหนักมากกว่าฟังได้ว่าที่พิพาทตามเอกสารหมาย จ.22, จ.32 และ จ.34ไม่อยู่ในเขตทำเลเลี้ยงสัตว์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และเมื่อที่พิพาททั้งสามแปลงไม่ใช่ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเช่นนี้การออก น.ส. 3 ก. ตามเอกสารหมาย จ.22, จ.32 และ จ.34จึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีอำนาจเพิกถอนได้ ส่วนเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ที่ 3 นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ที่ 3 ได้ซื้อที่พิพาทตามเอกสารหมาย จ.34 มาจากนายยุ่งและได้ครอบครองมาโดยตลอดเช่นนี้ โจทก์ที่ 3 จึงได้สิทธิครอบครอง ดังนั้นเมื่อจำเลยมีคำสั่งเพิกถอน น.ส. 3 ก. ตามเอกสารหมาย จ.34 จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่ 3…โจทก์ที่ 3 มีอำนาจฟ้อง”
พิพากษายืน.