แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยได้ทำยอมต่ออำเภอมีความว่า “เมื่อครบกำหนด 3 เดือนจะออกไป”  จำเลยจะนำสืบว่า จำเลยได้ตกลงว่า “ถ้าหาที่อยู่ใหม่ได้ก็จะออกไปภายใน 3 เดือน”  นั้นไม่ได้เพราะเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญา ต้องห้ามตาม วิ.แพ่ง ม.94 (ข)
ทำยอมต่ออำเภอขอผัดออกจากที่เช่า  ถือว่าเป็นการยอมตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ ๗ บาท โดยจำเลยทำยอมต่ออำเภอขอผัด ๓ เดือนแล้วไม่ยอมออก
จำเลยให้การว่า  จำเลยได้ทำยอมต่อกรมการอำเภอจริงแต่มีข้อแม้ว่าถ้าหาที่อยู่ใหม่ได้  ก็จะออกไปภายใน ๓ เดือน ข้อแม้นี้อำเภอมิได้จดไว้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
ศาลชั้นต้น  ไม่ยอมให้จำเลยสืบว่าสัญญายอมความมีเงื่อนไข  เพราะเป็นการสืบแก้ไขเพิ่มเติมเอกสาร  เมื่อจำเลยยอมเลิกสัญญาเช่า ก็ไม่ต้องด้วย พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.๒๔๘๖  พิพากษาให้จำเลยออกจากห้องเช่า
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา,ศาลฎีกาเห็นว่า  ๑.  ที่ศาลชั้นต้นไม่ยอมให้จำเลยนำสืบว่า จำเลยได้ตกลงว่า “ถ้าหาที่อยู่ใหม่ได้ก็จะออกไปภายใน ๓ เดือนนั้น” ชอบแล้ว  เพราะเป็นเรื่องสัญญายอมความ ก.ม.บังคับให้ต้องมีพะยานเอกสารมาแสดง  ในตัวสัญญามีความว่า “เมื่อครบกำหนด ๓ เดือนจะออกไป”  ที่จำเลยขอสืบเป็นการเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญายอมที่ทำที่อำเภอต้องห้ามตาม ว.แพ่ง ม.๙๔ (ข)  ๒.  พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ม.๑๔ ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิให้ผู้เช่าเลิกใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่า เว้นแต่เมื่อได้รับความยินยอมของผู้เช่าประการ ๑ เมื่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าเห็นสมควรและให้ความยินยอมอีกประการ ๑ ฯลฯ คดีนี้จำเลยทำยอมต่ออำเภอแล้วว่าจะออกไปภายใน ๓ เดือน  เป็นการยอมตามความหมายของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯแล้ว  เพราะ พ.ร.บ.นั้น  ไม่ได้กำหนดว่า  ต้องหาต่อหน้าคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าหรือมีวิธีการพิเศษอย่างใด  พิพากษายืน ให้จำเลยออกจากห้องเช่า
