คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดาผู้เสียหายอนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาผู้เสียหายอายุ 16 ปีไปเดินเที่ยวเมื่อผู้เสียหายจะกลับบ้าน จำเลยทั้งสองไม่ยอมให้กลับแต่พาผู้เสียหายไปบ้านที่เกิดเหตุเพื่อให้ พ. ร่วมประเวณีเป็นการพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 276,278, 318
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษา จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก จำคุกคนละ 5 ปี และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318วรรคสาม จำคุกคนละ 4 ปี รวมจำคุกคนละ 9 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองช่วยกันจับมือผู้เสียหายไว้ให้นายพรศักดิ์ ข่มขืนกระทำชำเรา และเป็นตัวการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายร่วมกับนายพรศักดิ์ ด้วย และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า สำหรับข้อหาพรากผู้เยาว์นั้นได้ความจากนางสุคนธ์ว่าตอนแรกได้อนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาผู้เสียหายไปเดินเที่ยวเห็นว่านางสุคนธ์ อนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาไปเดินเที่ยวเท่านั้นเมื่อผู้เสียหายจะกลับบ้านจำเลยทั้งสองไม่ยอมให้กลับ แต่พาผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองทำไปตามลำพังจะถือว่านางสุคนธ์ รู้เห็นยินยอมไม่ได้ จำเลยทั้งสองมีเจตนาพาผู้เสียหายไปบ้านเกิดเหตุเพื่อให้นายพรศักดิ์ ร่วมประเวณีการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share