คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยย้ายภูมิลำเนาจากบ้านเลขที่ 710/85 ไปที่บ้านเลขที่ 1/163 ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2539 ก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปิดหมายตามคำแถลงของผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนอง นอกจากนี้ ปรากฏว่า คดีหลักของคดีนี้ถึงที่สุดแล้วก่อนจำเลยย้ายภูมิลำเนา จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะต้องดำเนินการแจ้งย้ายภูมิลำเนาในคดีหลักอีกต่อไปและไม่อาจถือได้ว่าภูมิลำเนาในคดีหลักยังเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในการดำเนินคดีนี้ของจำเลย การส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นของผู้ร้องแก่จำเลยตามภูมิลำเนาเดิมจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 74(2) ย่อมเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 188,125 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ โดยกำหนดเป็นค่าทนายความ 5,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้เท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ ชนะคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 124765 อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 1/163 ของจำเลยที่ 1 เพื่อนำออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า การส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นของผู้ร้องแก่จำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนามาจากบ้านเลขที่ 710/85 เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ไปที่บ้านเลขที่ 1/163 เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2539 ซึ่งเป็นวันก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปิดหมายตามคำแถลงของผู้ร้อง นอกจากนี้ก็ปรากฏว่าคดีหลักของคดีนี้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งมีการอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2538 กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 1 จะต้องดำเนินการแจ้งย้ายภูมิลำเนาในคดีหลักอีกต่อไป และไม่อาจถือได้ว่าภูมิลำเนาในคดีหลักยังเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในการดำเนินคดีนี้ของจำเลยที่ 1 เพราะภูมิลำเนาของบุคคลย่อมเปลี่ยนไปด้วยการย้ายถิ่นที่อยู่พร้อมด้วยเจตนาชัดแจ้งว่าจะเปลี่ยนภูมิลำเนา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 41 ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็ได้แสดงเจตนาไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่าได้เปลี่ยนภูมิลำเนาจากบ้านเลขที่ 710/85 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 1/163 เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร แล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2539 ก่อนที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องดังกล่าวในวันที่ 9 ธันวาคม 2542 อีกทั้งยังปรากฏตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันเอกสารท้ายคำร้องซึ่งทำขึ้นระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2540 ก็ระบุว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 1/163 อำเภอดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่า ผู้ร้องทราบว่าจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาใหม่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2540 ซึ่งเป็นวันก่อนที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องในคดีนี้ การส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นของผู้ร้องแก่จำเลยที่ 1 จึงเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 (2) ย่อมเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบและทำให้จำเลยที่ 1 เสียหายเพราะไม่มีโอกาสได้คัดค้านคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นของผู้ร้อง ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมดหรือบางส่วนหรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 การที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 โดยไม่ทำการไต่สวนคำร้องให้ทราบข้อเท็จจริงแน่ชัดเสียก่อนเช่นนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่ชอบและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนศาลฎีกาชอบที่จะยกคำสั่งดังกล่าวของศาลล่างทั้งสองเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (1) และมาตรา 27 ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องฉบับลงวันที่ 11 ตุลาคม 2547 ของจำเลยที่ 1 และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องฉบับดังกล่าวของจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share