คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4648/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์มิได้เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานซึ่งเป็นผู้ยื่นข้อเรียกร้องต่อจำเลยทั้งโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อในข้อเรียกร้องหรือมีส่วนในการเลือกตั้งผู้แทนซึ่งเข้าร่วมในการเจรจากับจำเลยผู้เป็นนายจ้าง จนได้มาซึ่งข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างซึ่งโจทก์อ้างมาเป็นมูลในการฟ้องคดีนี้ และไม่ปรากฎว่าลูกจ้างที่เป็นสมาชิกของสภาพแรงงานซึ่งยื่นข้อเรียกร้องมีลูกจ้างเป็นสมาชิกเกินกว่าสองในสามของลูกจ้างทั้งหมด ทั้งไม่มีพฤติการณ์อันใดที่แสดงว่า จำเลยมีเจตนาที่จะให้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลผูกพันจำเลยและลูกจ้างทุกคนของจำเลย โจทก์จึงหาได้รับประโยชน์จากข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างไม่

ย่อยาว

คดีทั้ง 37 สำนวนศาลมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันโจทก์ทุกสำนวนฟ้องเป็นใจความทำนองเดียวกัน ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินโบนัสประจำปีให้แก่โจทก์แต่ละคน ในอัตราค่าจ้างสุดท้ายคูณด้วยสอง ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างธนาคารจำเลยกับสหภาพแรงงาน
จำเลยให้การว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างไม่ผูกพันโจทก์กับจำเลย เพราะโจทก์ทุกคนมิได้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ซึ่งได้จัดทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเรื่องเงินโบนัสไว้ การพิจารณาจ่ายเงินโบนัส จำเลยพิจารณาผลการดำเนินกิจการเมื่อเห็นว่าปี2530 จำเลยประสบภาวะขาดทุนจึงเห็นสมควรที่จะไม่จ่ายเงินโบนัสแต่จำเลยได้พิจารณาเงินพิเศษให้เป็นจำนวนเท่ากับเงินเดือน 1 เดือนโดยมีหลักเกณฑ์การจ่ายเช่นเดียวกับเงินโบนัส การที่โจทก์เรียกร้องเงินโบนัสมาถึงคนละ 2 เดือน จึงเป็นการเรียกร้องซ้ำซ้อนกับเงินที่โจทก์ได้รับไปแล้ว
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินโบนัสให้โจทก์แต่ละคนเป็นจำนวนเท่าเงินเดือนของแต่ละคนคนละ 1 เดือน คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จำเลยอุทธรณ์ขึ้นมานี้พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 19 วรรคแรกบัญญัติไว้ว่าข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลผูกพันนายจ้างและลูกจ้างซึ่งลงลายมือชื่อในข้อเรียกร้องนั้น ตลอดจนลูกจ้างซึ่งมีส่วนในการเลือกตั้งผู้แทนเป็นผู้เข้าร่วมในการเจรจาทุกคนส่วนวรรคสองบัญญัติว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่กระทำโดยนายจ้างหรือสมาคมนายจ้างกับสหภาพแรงงาน หรือลูกจ้างซึ่งทำงานในกิจการประเภทเดียวกัน โดยมีลูกจ้างซึ่งทำงานในกิจการประเภทเดียวกันเป็นสมาชิก หรือร่วมในการเรียกร้องเกี่ยวกับสภาพการจ้างเกินกว่าสองในสามของลูกจ้างทั้งหมด ให้ถือว่าข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้นมีผลผูกพันนายจ้างและลูกจ้างซึ่งทำงานในกิจการประเภทเดียวกันนั้นทุกคน แสดงให้เห็นว่าลูกจ้างที่จะต้องผูกพันหรือได้รับประโยชน์จากข้อตกลงเกี่ยวกับสหภาพการจ้างที่ทำขึ้นระหว่างลูกจ้างและนายจ้างนั้นจะต้องเป็นลูกจ้างที่ลงลายมือชื่อในข้อเรียกร้องหรือมีส่วนในการเลือกตั้งผู้แทนเป็นผู้เข้าร่วมในการเจรจาเกี่ยวกับข้อเรียกร้องกับนายจ้าง หรือถ้าเป็นกรณีที่สหภาพแรงงานเป็นฝ่ายยื่นข้อเรียกร้องและสหภาพแรงงานดังกล่าวมีสมาชิกไม่เกินกว่าสองในสามของลูกจ้างทั้งหมด กรณีดังกล่าวเฉพาะแต่สมาชิกของสหภาพแรงงานดังกล่าวเท่านั้น จึงจะต้องผูกพันหรือได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ซึ่งเกิดจากการยื่นข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงาน สำหรับกรณีของโจทก์โจทก์ทุกคนยอมรับว่ามิได้เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ซึ่งเป็นผู้ยื่นข้อเรียกร้องต่อจำเลยทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในข้อเรียกร้อง หรือมีส่วนในการเลือกตั้งผู้แทนซึ่งเข้าร่วมในการเจรจากับจำเลยเป็นผู้เป็นนายจ้าง จนได้มาซึ่งข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างซึ่งโจทก์อ้างมาเป็นมูลในการฟ้องคดีนี้ และไม่ปรากฏว่าลูกจ้างที่เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานซึ่งยื่นข้อเรียกร้องมีลูกจ้างเข้าเป็นสมาชิกเกินกว่าสองในสามของลูกจ้างทั้งหมด ทั้งได้ความว่าไม่มีพฤติการณ์อันใดที่แสดงว่า จำเลยมีเจตนาที่จะให้ข้อตกลงเกี่ยวกับสหภาพการจ้างตามเอกสารหมาย จ.1 มีผลผูกพันจำเลยและลูกจ้างทุกคนของจำเลย เมื่อเป็นเช่นนี้โจทก์จึงหาได้รับประโยชน์จากข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวไม่ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินโบนัสให้โจทก์ทุกคนอีกคนละ 1 เดือนตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามเอกสารหมาย จ.1 ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทุกสำนวน”

Share