แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับโอนที่ดินมีโฉนดมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน จำเลยบุกรุกขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยได้สิทธิมาโดยการครอบครอง โจทก์ได้รับโอนโดยไม่สุจริต เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยไม่สุจริต
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ซื้อที่ดินมีโฉนดไว้จากนายบุญโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิแล้วตามกฎหมาย จำเลยบุกรุกเข้าทำนาในที่ส่วนหนึ่งของโฉนดโจทก์ จึงขอให้ห้ามและให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยครอบครองเป็นเจ้าของมากว่า 35 ปี การซื้อขายของโจทก์ไม่สุจริต ฯลฯ
ทางพิจารณาจำเลยรับว่าที่พิพาทอยู่ในโฉนดโจทก์ ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมากว่า 10 ปีจึงได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 โจทก์ผู้ซื้อที่พิพาทโดยรู้อยู่ว่าจำเลยครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ จึงไม่สุจริต พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องในที่พิพาทและให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมา 30 ปีเศษแล้ว ในปัญหาว่าโจทก์ได้ที่พิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่นั้น เห็นว่าโจทก์ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายในฐานะที่มีชื่อเป็นเจ้าของในโฉนดว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยสุจริต จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยนำสืบไม่ได้ว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างใด ไม่จำต้องพิจารณาข้อนำสืบฝ่ายโจทก์คดีต้องฟังว่าโจทก์ได้รับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริต จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยสมบูรณ์ ศาลฎีกาพิพากษายืน