แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึดไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ย่อยาว
คดีนี้ สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินโฉนดที่ ๓๓๔๙๔ ให้โจทก์ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยโอนแบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์กึ่งหนึ่งถ้าตกลงแบ่งกันไม่ได้ ให้ประมูลกันเองหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินให้โจทก์ตามส่วน ชั้นบังคับคดีตกลงแบ่งกันเองไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่พิพาทเพื่อขายทอดตลาด
ต่อมานางอำไพ ทองสุขมาก ฟ้องโจทก์จำเลยคดีนี้เกี่ยวกับที่พิพาทนี้ผลที่สุดศาลพิพากษาตามยอมให้นางอำไพ เด็กชายชัยพร เด็กชายชัพพรมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเฉพาะส่วนของจำเลย ส่วนโจทก์คดีนี้นางอำไพถอนฟ้อง นางอำไพผู้ร้องจึงยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยการยึดที่พิพาท
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยึดที่ดินพิพาทขายทอดตลาดเพราะโจทก์จำเลยตกลงแบ่งหรือประมูลระหว่างกันเองไม่ได้ เป็นวิธีการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์จำเลยต่างเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกัน เมื่อจำเลยยอมให้ส่วนของจำเลยในที่ดินพิพาทตกเป็นของผู้ร้องและบุตรในระหว่างที่มีการบังคับคดีดังกล่าว ผู้ร้องและบุตรจึงเป็นเพียงผู้เข้าสวมสิทธิของจำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ศาลปล่อยการยึดที่พิพาท เว้นแต่ผู้ร้องกับโจทก์จะตกลงแบ่งกันโดยวิธีอื่นได้
ผู้ร้องมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว เพียงแต่มีส่วนเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึดด้วยเท่านั้น ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึด ผู้ร้องชอบที่จะขอรับส่วนแบ่งหลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดไปแล้วเท่านั้น
พิพากษายืน