แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์กับพวกพนักงานอัยการโจทก์ในคดีนี้ต่างฟ้องกล่าวหาจำเลยลงข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับเดียวกัน แม้ข้อความทีฟ้องแต่ละคดีจะเป็นคนละบทความกันและลงพิมพ์ต่างหน้ากันก็ตาม แต่บทความที่โจทก์ในคดีนี้และพนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ฟ้อง ลงในหนังสือพิมพ์ซึ่งจำเลยเป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาฉบับเดียวกัน ทั้งเป็นข้อความที่กล่าวถึงโจทก์ร่วมในเรื่องเดียวกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองคดีจึงเป็นเรื่องเดียวกัน พนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์โจทก์ในอีกคดีหนึ่งกับโจทก์ในคดีนี้ต่างเป็นพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(5),ฆ28(1) จึงเป็นพนักงานอัยการโจทก์ด้วยกัน การที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลยอีก จึงเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามมิให้โจทก์ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326,328 และนับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต และคู่ความทุกฝ่ายรับกันว่า ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้พนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ได้ฟ้องจำเลยตามสำเนาคำฟ้องลงวันที่ 15 ตุลาคม 2530 โดยกล่าวหาว่าจำเลยลงข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมในหนังสือพิมพ์โคราชรายวัน ฉบับที่ 890 ลงวันที่ 3 กรกฎาคม2530 อันเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันกับคดีนี้ หากแต่คดีที่ฟ้องที่ศาลนี้เป็นข้อความในหน้าหก ส่วนคดีที่ฟ้องที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์เป็นข้อความในหน้าสาม ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์ร่วมว่า ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์กับโจทก์ในคดีนี้ต่างฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยลงข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมในหนังสือพิมพ์โคราชรายวันฉบับเดียวกันคือฉบับที่ 890ประจำวันที่ 3 กรกฎาคม 2530 แม้ข้อความที่ฟ้องแต่ละคดีจะเป็นคนละบทความกันและลงพิมพ์ต่างหน้ากันก็ตาม แต่บทความที่โจทก์ในคดีนี้และพนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ฟ้องลงในหนังสือพิมพ์ซึ่งจำเลยเป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์โฆษณาฉบับเดียวกัน ทั้งเป็นข้อความที่กล่าวถึงโจทก์ร่วมในเรื่องเดียวกัน คือเรื่องการบริหารงานเทศบาลเมืองนครราชสีมาของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองคดีข้างต้นจึงเป็นเรื่องเดียวกันพนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์โจทก์ในอีกคดีหนึ่งกับโจทก์ในคดีนี้ต่างเป็นพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(5), 28(1) จึงเป็นพนักงานอัยการโจทก์ด้วยกัน การที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลยอีกจึงเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามมิให้โจทก์ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกฟ้องของโจทก์ต้องกันมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน