คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4637/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เช็คที่โจทก์เก็บรักษาไว้ที่บ้านก็ดี ที่นำติดตัวไปด้วยโดยเก็บไว้ในกระเป๋าในรถยนต์ก็ดี เป็นการเก็บเช็คและนำเช็คติดตัวไปเพื่อใช้ดังเช่นที่วิญญูชนจะพึงปฏิบัติตามปกติธรรมดา มิได้มีความบกพร่องไม่เก็บเช็คไว้ในที่มั่นคงและปลอดภัยแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อ การที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารจำเลยจ่ายเงินตามเช็คพิพาทไป แม้จะอ้างว่าปราศจากความประมาทเลินเล่อ แต่เมื่อลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คเป็นลายมือชื่อปลอม ไม่ใช่ลายมือชื่อโจทก์ทั้งรูปลักษณะตัวอักษรแตกต่างจากตัวอย่างลายมือชื่อ สามารถเห็นได้โดยไม่ต้องอาศัยคำวินิจฉัยของผู้เชี่ยวชาญ จำเลยจึงหาหลุดพ้นจากความรับผิดไปไม่ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 1008 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาฝากเงินประเภทเงินฝากกระแสรายวันซึ่งมีข้อตกลงว่าในการใช้เช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีของโจทก์จะต้องลงลายมือชื่อโจทก์เป็นผู้สั่งจ่าย แต่จำเลยจ่ายเงินตามเช็คที่มีผู้ปลอมลายมือชื่อโจทก์ จึงขอให้จำเลยคืนเงินที่จำเลยหักไปจากบัญชีของโจทก์เป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม(มาตรา 193/30 ที่แก้ไขใหม่)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้มีผู้ปลอมลายมือชื่อของโจทก์ลงในเช็คจำนวน3 ฉบับ แล้วนำเช็คดังกล่าวไปเบิกเงินที่ธนาคารจำเลยสาขาปากคลองตลาด และด้วยความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่จำเลยจึงได้จ่ายเงินตามเช็คทั้งสามฉบับนั้นไปรวมเป็นเงินทั้งสิ้น178,600 บาท จำเลยได้หักทอนเงินจำนวนนั้นจากบัญชีของโจทก์โดยไม่มีสิทธิจะหักทอนได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 217,073.80 บาท และค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 17 ต่อปีในเงินต้นจำนวน 178,600 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เพราะความจงใจหรือประมาทเลินเล่อของโจทก์ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อตกลงในการฝากเงิน ปล่อยปละละเลยไม่เก็บรักษาเช็คไว้ให้ดี ทำให้เช็คทั้งสามฉบับตามฟ้องตกไปอยู่กับบุคคลอื่นจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายขึ้น หาใช่เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยไม่ ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้งสามฉบับเป็นลายมือชื่อของโจทก์ หาใช่ลายมือชื่อปลอมไม่ซึ่งเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ทำการตรวจสอบลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายแล้วเห็นว่าถูกต้องตรงกับตัวอย่างลายมือชื่อที่โจทก์ได้ให้ไว้กับจำเลยทุกประการ จึงได้จ่ายเงินตามเช็คนั้นให้แก่ผู้ทรงเช็คไปโดยสุจริตหาได้ประมาทเลินเล่อไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยนอกจากนี้จำเลยได้มีหนังสือแจ้งยอดเงินพร้อมทั้งส่งสำเนาบัญชีกระแสรายวันให้กับโจทก์ทุกเดือน แต่โจทก์เพิ่งนำคดีมาฟ้องฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 217,073.80 บาทให้แก่โจทก์พร้อมด้วยค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 17 ต่อปี ในต้นเงิน178,600 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นที่ยุติในเบื้องต้นตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาททั้งสามฉบับเป็นลายมือชื่อปลอม คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกาว่าเจ้าหน้าที่ของจำเลยจ่ายเงินไปตามเช็คพิพาทโดยปราศจากประมาทเลินเล่อ แต่โจทก์เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อในการเก็บรักษาเช็ค จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดนั้น เห็นว่า เช็คที่โจทก์เก็บรักษาไว้ที่บ้านก็ดี ที่นำติดตัวไปด้วยโดยเก็บไว้ในกระเป๋าในรถยนต์ก็ดีเป็นการเก็บเช็คและนำเช็คติดตัวไปเพื่อใช้ดังเช่นที่วิญญูชนจะพึงปฏิบัติตามปกติธรรมดา มิได้มีความบกพร่องไม่เก็บเช็คไว้ในที่มั่นคงและปลอดภัยแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อการที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยจ่ายเงินตามเช็คพิพาทไป แม้จะอ้างว่าปราศจากความประมาทเลินเล่อ แต่เมื่อลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คเป็นลายมือชื่อปลอมไม่ใช่ลายมือชื่อโจทก์ จำเลยจึงหาหลุดพ้นความรับผิดไป ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1008 ทั้งคดียังปรากฏว่าลายมือชื่อโจทก์ในเช็คพิพาททั้งสามฉบับกับลายมือชื่อโจทก์ตามตัวอย่างที่ให้ไว้แก่จำเลย มีรูปลักษณะของตัวอักษร ลายเส้นที่ใช้แตกต่างสามารถเห็นได้โดยมิต้องอาศัยคำวินิจฉัยของผู้เชี่ยวชาญก็ทราบว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลต่างคนกัน ข้ออ้างของจำเลยตามฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาต่อมาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความนั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาฝากเงินประเภทเงินฝากกระแสรายวันซึ่งมีข้อตกลงว่าในการใช้เช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีของโจทก์จะต้องลงลายมือชื่อโจทก์เป็นผู้สั่งจ่าย แต่จำเลยจ่ายเงินตามเช็คที่มีผู้ปลอมลายมือชื่อโจทก์ จึงขอให้จำเลยคืนเงินที่จำเลยหักไปจากบัญชีของโจทก์ เป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม(มาตรา 193/30 ที่แก้ไขใหม่) ดังนี้ แม้จะถือว่าโจทก์ทราบถึงการที่จำเลยจ่ายเงินตามเช็คฉบับแรกและฉบับที่สองตั้งแต่เดือนเมษายนและมิถุนายน 2528 ดังที่จำเลยอ้างก็ตาม แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2529 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share