คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ขายรถขุดแม็คโครให้จำเลยซึ่งจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ให้เช่าซื้ออีก โจทก์ส่งมอบรถขุดแม็คโครให้จำเลย จำเลยชำระเงินสดบางส่วนและสั่งจ่ายเช็ค 3 ฉบับให้โจทก์ ต่อมาจำเลยนำเงินสดไปแลกเช็คคืน 2 ฉบับ ส่วนฉบับที่ 3 ได้เปลี่ยนเช็คใหม่เป็นเช็คพิพาท สัญญาเช่าซื้อรถขุดแม็คโครระหว่างผู้ให้เช่าซื้อกับโจทก์ผู้เช่าซื้อยังไม่เปลี่ยนเป็นชื่อจำเลย จำเลยขาดส่งค่าเช่าซื้อให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ ต่อมาโจทก์ได้ยึดรถขุดแม็คโครจากจำเลยไป ถือว่าโจทก์เลิกสัญญาซื้อขายกับจำเลยแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระราคาตามเช็คพิพาทแม้เช็คนั้นจำเลยจะได้สั่งจ่ายไว้ก่อนสัญญาซื้อขายเลิกกัน โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2493 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 6 เดือน ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อพิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ให้รอการลงโทษจำเลยไว้ 1 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ตามทางนำสืบของจำเลยได้ความว่าเมื่อประมาณเดือนมกราคม 2533 โจทก์ได้มาติดต่อขายรถขุดแม็คโครให้จำเลยราคา 722,500 บาท กับจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ให้เช่าซื้ออีกงวดละ 112,500 บาท ต่อมาวันที่ 26 มกราคม 2533โจทก์ได้ส่งมอบรถขุดแม็คโครให้จำเลย จำเลยได้ชำระเงินสดให้โจทก์ 50,000 บาท นอกจากนี้จำเลยยังได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารทหารไทยจำกัด สาขาขอนแก่น 3 ฉบับ ให้โจทก์อีกด้วย ปรากฏตามเอกสารหมายล.1 ถึง ล.3 เดือนมีนาคม 2533 จำเลยได้นำเงินสดไปแลกเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ส่วนเช็คฉบับที่ 3 ได้เปลี่ยนเช็คใหม่เป็นเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาถนนมะลิวัลย์ ลงวันที่ 17พฤษภาคม 2533 จำนวนเงิน 300,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งเป็นเช็คพิพาท สัญญาเช่าซื้อรถขุดแม็คโครระหว่างบริษัทอริยะอีควิปเม้นท์ จำกัด ผู้ให้เช่าซื้อกับโจทก์ผู้เช่าซื้อยังไม่เปลี่ยนเป็นชื่อจำเลย จำเลยขาดส่งค่าเช่าซื้อให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ วันที่ 19 มิถุนายน 2533 โจทก์กับพวกได้ยึดรถขุดแม็คโครที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยไป วันที่ 20 มิถุนายน 2533โจทก์ได้นำเช็คเอกสารหมาย จ.1 ไปเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์เพื่อให้เรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน เห็นว่านอกจากจำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานแล้ว โจทก์เองก็เบิกความตอนตอบทนายจำเลยถามค้านเจือสมพยานโจทก์ว่า เมื่อวันที่ 26มกราคม 2533 จำเลยได้ซื้อรถขุดแม็คโครโดยชำระเงินสด 50,000บาท และสั่งจ่ายเช็คเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.3 ให้โจทก์ แต่บ่ายเบี่ยงไปว่าเช็คดังกล่าวเป็นค่าตอบแทนที่จำเลยนำรถขุดแม็คโครของโจทก์ไปใช้ ตามคำเบิกความของโจทก์และจำเลยรับกันว่า โจทก์ได้ส่งมอบรถขุดแม็คโครให้จำเลย เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2533 ซึ่งเป็นวันทำสัญญาซื้อขายครั้งเดียวเท่านั้นแสดงว่าจำเลยรับรถขุดแม็คโครไปใช้ตามสัญญาซื้อขาย ไม่ใช่เอารถไปใช้อย่างที่โจทก์นำสืบเมื่อโจทก์ยึดรถขุดแม็คโครคืนจากจำเลย ถือว่า โจทก์เลิกสัญญาซื้อขายกับจำเลยแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระราคาตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 แม้เช็คนั้นจำเลยจะได้สั่งจ่ายไว้ก่อนสัญญาซื้อขายเลิกกัน โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องจำเลยได้ฎีกาข้ออื่นของจำเลยไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามายังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share