แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้จำเลยทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ และอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1ได้มีคำสั่งว่าพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการขอให้รับรองฎีกาจะต้องยื่นคำร้องภายในระยะเวลาให้ยื่นฎีกา สำหรับ คดีนี้ปรากฎว่า มีระยะเวลาให้ยื่นฎีกาได้อย่างช้าวันที่8 ตุลาคม 2535 แต่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องให้รับรอง ฎีกาวันที่ 4 พฤศจิกายน 2535 ดังนี้ เกินกำหนดระยะเวลา ให้ยื่นฎีกาแล้ว จึงไม่อาจจะรับรองฎีกาให้แก่จำเลย ทั้งสองได้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองเห็นว่า คำสั่งของอธิบดีผู้พิพากษาภาค 1ดังกล่าวข้างต้นนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเนื่องจากจำเลยทั้งสองได้ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2535พร้อมด้วยคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่ได้นั่งพิจารณาพิพากษาในคดีนี้ รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับรองฎีกาดังกล่าวให้แก่ จำเลยทั้งสอง และศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองจึงได้ยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1อนุญาตให้จำเลยทั้งสองฎีกาได้ ตามคำร้องฉบับลงวันที่4 พฤศจิกายน 2535 และการจะยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้ฎีกาได้นั้น จะต้องผ่านขั้นตอนการยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ที่พิจารณาพิพากษาคดีรับรองฎีกาเสียก่อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 วรรคสามโปรดมีคำสั่งให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1พิจารณาคำร้องของ จำเลยทั้งสองที่ขออนุญาตฎีกา ว่าสมควรที่จะอนุญาตให้ฎีกาหรือไม่ต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 110)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (24 พฤษภาคม 2532) จนกว่าจะชำระเสร็จฟ้องแย้งให้ยกเสีย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้น รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีมีคำสั่งไม่รับรองฎีกาให้ยกคำร้อง และศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง (อันดับ 99,100)
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ อธิบดีผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 107)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 108)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยทั้งสองอ้างว่าใช้สิทธิอุทธรณ์ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 แต่จำเลย ทั้งสองมิได้อุทธรณ์คำสั่งต่ออธิบดีผู้พิพากษาหรือ อธิบดีผู้พิพากษาภาคตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 230 แต่อุทธรณ์ คำสั่งต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อันเป็นกรณี ที่จำเลยทั้งสองขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งจะต้องขออนุญาตฎีกาภายในกำหนดเวลา จำเลยมายื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาเช่นนี้ ที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ของจำเลยทั้งสองนั้นเป็นการชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง