คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4609/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในชั้นร้องขัดทรัพย์ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์พิพาทไม่ใช่ของจำเลย แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง เพราะผู้ร้องซื้อจากจำเลยแล้ว และโจทก์ต่อสู้ว่าการซื้อขายทรัพย์พิพาททำขึ้นเพื่อฉ้อฉลโจทก์ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นหนี้โจทก์ ราคาซื้อขายต่ำกว่าราคาท้องตลาด คู่สัญญาไม่มีเจตนาทำสัญญาผูกพันกันตามกฎหมาย ทรัพย์พิพาทยังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์มีสิทธิยึดได้ ประเด็นจึงมีว่าทรัพย์พิพาทยังเป็นของจำเลยหรือไม่ ศาลมีอำนาจชี้ขาดในคดีร้องขัดทรัพย์ได้โดยไม่ต้องให้โจทก์ไปฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายเป็นคดีใหม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันชำระหนี้เงินตามเช็ค ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินแก่โจทก์ ๑๖๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดตึกแถวของจำเลยที่ ๑
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ไม่ใช่ของจำเลยที่ ๑ เพราะผู้ร้องซื้อจากจำเลยที่ ๑ แล้ว ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า สัญญาซื้อขายทรัพย์พิพาทระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ ๑ คู่สัญญาไม่มีเจตนาผูกพันกันตามกฎหมาย เป็นนิติกรรมเพื่อฉ้อฉลโจทก์ โดยจำเลยที่ ๑ รู้อยู่แล้วว่าเป็นหนี้โจทก์ และโจทก์จะดำเนินคดี จึงทำสัญญาขายที่ดินในราคาต่ำกว่าท้องตลาดเสียก่อน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงสั่งงดสืบพยานและวินิจฉัยว่า ประเด็นในคดีร้องขัดทรัพย์มีว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยหรือไม่ เมื่อโจทก์ยอมรับว่าจำเลยที่ ๑ ได้ขายตึกพิพาทให้แก่ผู้ร้องแล้ว จึงฟังได้ว่าตึกพิพาทไม่ใช่ของจำเลยที่ ๑ ส่วนการซื้อขายระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ ๑ จะเกิดขึ้นเพื่อฉ้อฉลโจทก์หรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวต่างหากจากคดีนี้พิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์ตึกแถวเลขที่ ๔๓๗-๔๓๘ (๕๔/๓๗-๓๘) ถนนท่าคราวน้อย ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้รวมสั่งเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาใหม่
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ผู้ร้องอ้างว่าตึกพิพาทเป็นของผู้ร้อง แต่โจทก์อ้างว่าการซื้อขายตึกพิพาทระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ ๑ ทำขึ้นเพื่อฉ้อฉลโจทก์ โดยจำเลยที่ ๑ รู้อยู่แล้วว่าเป็นหนี้โจทก์ ราคาซื้อขายต่ำกว่าราคาท้องตลาด คู่สัญญาไม่มีเจตนาทำสัญญาผูกพันกันตามกฎหมาย ทรัพย์พิพาทจึงยังเป็นของจำเลยที่ ๑ อยู่โจทก์มีสิทธิยึดได้ ประเด็นจึงมีว่า ตึกพิพาทยังเป็นของจำเลยหรือไม่ และศาลมีอำนาจชี้ขาดในคดีร้องขัดทรัพย์นี้ได้โดยไม่ต้องให้โจทก์ไปฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายเป็นคดีใหม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้รวมสั่งเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาใหม่

Share