คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4604/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป.วิ.อ. มาตรา 43 ที่ให้พนักงานอัยการเรียกทรัพย์สินหรือราคาคืนในคดียักยอกทรัพย์นั้น หมายรวมทั้งคดีเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ตาม ป.อ. มาตรา 147 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 147, 157, 161, 264, 265, 266, 268 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 87,438 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 161, 266(4) และ 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 266 (4) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานปลอมตั๋วเงินและใช้เอกสารตั๋วเงินปลอม ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารตั๋วเงินปลอมแต่กระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง อันเป็นการกระทำกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปลอมเอกสาร และฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอก ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอก ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 7 กระทง เป็นจำคุก 35 ปี และฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอก จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 45 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 30 ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 63,580 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปลอมเอกสารและฐานปลอมตั๋วเงินเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุดฐานปลอมตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยเป็นผู้ปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม ให้ลงโทษฐานใช้ตั๋วเงินปลอมแต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง อันเป็นการกระทำกรรมเดียวกับฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกและฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกอีก 2 กระทง เป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 63,500 บาท แก่ผู้เสียหาย โทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินหรือใช้เงินจำนวน 63,580 บาท แก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 5 ยกคำขอของโจทก์ส่วนนี้หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ที่ให้พนักงานอัยการเรียกทรัพย์สิน หรือราคาคืนในคดียักยอกทรัพย์นั้นหมายรวมทั้งคดีเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินหรือใช้เงินดังกล่าว ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 63,580 บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share