คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4604/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยคำพิพากษาที่ถึงที่สุด มีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/32 และอายุความจะสะดุดหยุดลงได้ก็ต่อเมื่อมีกรณีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา193/14 แต่การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์นั้นเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดผลตามคำพิพากษามิใช่เป็นการกระทำการอื่นใดอันมีผลอย่างเดียวกันกับการฟ้องคดีอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา 193/14(5)ฉะนั้นการที่โจทก์นำหนี้ที่เหลือมาฟ้องให้จำเลยทั้งสามล้มละลายเมื่อพ้นกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสามเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยที่ 1 ไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่า จำเลยทั้งสามชำระหนี้แก่โจทก์จนหมดสิ้นแล้วจำเลยทั้งสามมิได้มีหนี้สินล้นพ้นตัว จำเลยทั้งสามมิได้มีภูมิลำเนาตามฟ้อง การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบ โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นตามคำร้องของจำเลยที่ 2 และที่ 3และมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2529 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน1,453,443.69 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ คดีถึงที่สุดโดยคู่ความมิได้อุทธรณ์จำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดและโจทก์ได้รับชำระหนี้เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2532 เป็นเงิน1,179,291 บาท โจทก์นำหนี้ที่เหลือมาฟ้องเป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2539 มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คดีขาดอายุความหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยคำพิพากษาที่ถึงที่สุด มีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/32 และอายุความจะสะดุดหยุดลงได้ก็ต่อเมื่อมีกรณีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14แต่การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์นั้น เป็นการกระทำเพื่อให้เกิดผลตามคำพิพากษาที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามไว้แล้ว มิใช่เป็นการกระทำการอื่นใดอันมีผลอย่างเดียวกันกับการฟ้องคดีอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(5) ดังที่โจทก์ฎีกา ฉะนั้นเมื่อโจทก์นำหนี้ที่เหลือมาฟ้องให้จำเลยทั้งสามล้มละลายเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2539 ซึ่งพ้นกำหนด10 ปี นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share