แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกสารสัญญากู้ได้หายไปเมื่อฟ้องคดีแล้ว และทนายของคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นและตรวจสัญญากู้แล้ว รับรองว่าถูกต้องกับสำเนาที่ส่งต่อศาลเช่นนี้ โจทก์ย่อมนำพะยานบุคคลมาสืบแทนสัญญากู้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไป ๖๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน
จำเลยทั้ง ๒ ให้การปฏิเสธสัญญากู้และค้ำประกัน.
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า หลักฐานพะยานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยทั้ง ๒ ได้กู้และค้ำประกันตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าเมื่อฟ้องคดีนี้แล้ว สัญญากู้ได้หายไปแต่โจทก์มีพะยานที่เป็นผู้เขียนและลงชื่อเป็นพะยานในสัญญากู้ และค้ำประกันมาสืบได้พรักพร้อมและทนายของคู่ความทั้ง ๒ ฝ่าย ได้เห็นและตรวจสัญญากู้แล้ว รับรองว่าถูกต้องกับสำเนาที่ส่งต่อศาล รูปเรื่องไม่น่าคิดเลยว่าพะยานจะกล่าวเท็จ จึงพิพากษากลับให้จำเลยที่ ๑ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย ถ้าจำเลยที่ ๑ ใช้ไม่ได้เท่าใดให้จำเลยที่ ๒ ใช้แทนจนครบ.
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าแม้สัญญากู้เดิมจะหายไปก็ดี ก็ได้มีสำเนาอันถูกต้องติดท้ายฟ้องมาแล้ว กับโจทก์มีพะยานบุคคลมาสืบสมสัญญากู้ของโจทก์ทุกประการจึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.