แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าให้แก่ อ.ถือว่าเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้เมื่อเช็คดังกล่าวถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน การออกเช็คของจำเลยจึงเป็นการออกโดยมีเจตนาจะไม่ใช้เงินตามเช็คอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4(1)(3) การที่ อ. นำเช็คดังกล่าวไปแลกเงินสดกับผู้เสียหายเป็นเรื่องระหว่าง อ. กับผู้เสียหาย ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1)(3) จำคุก6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 3 ให้จำคุก2 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ค่าชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์แก่นายอนิรุธ จึงเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ เมื่อนายอนิรุธโอนเช็คต่อไปยังผู้เสียหายโดยการนำไปแลกเงินสดและเช็คถึงกำหนดชำระแล้ว ผู้เสียหายนำเช็คพิพาทไปเบิกเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะบัญชีจำเลยปิดแล้ว และในวันที่เช็คถึงกำหนดชำระอันถือเป็นวันออกเช็ค คือวันที่ 31 มกราคม 2533 เงินในบัญชีจำเลยก็ไม่พอจ่ายจึงเป็นการออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ใช้เงินตามเช็ค และออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น จึงย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4(1)(3) ส่วนการที่นายอนิรุธซึ่งได้รับเช็คพิพาทที่จำเลยออกเพื่อชำระหนี้แก่ตนจะโอนเช็คไปยังผู้เสียหาย แม้จะเป็นการนำไปแลกเงินสดกับผู้เสียหายก็เป็นเรื่องระหว่างนายอนิรุธกับผู้เสียหาย ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษตามมาตรา 3 ยังไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องคือ มาตรา 4(1)(3)
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4(1)(3) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์