คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4595/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2 กระทำการตามฟ้องแทนเทศบาลจำเลยที่ 1 โดยกระทำในฐานะนายกเทศมนตรี จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นการส่วนตัวจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคแรก ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 อ้างว่าจะมีผู้สร้างถนนอุทิศให้เทศบาลแล้วสั่งการให้จำเลยที่ 3 สร้างถนนทางเข้าและถนนรอบตัวอาคารโรงฆ่าสัตว์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก และจำเลยที่ 3 ติดต่อสั่งซื้อวัสดุจากโจทก์และให้โจทก์ว่าจ้างรถเกรด รถไถ รถบดถนนมาใช้ในการก่อสร้างถนนโดยขัดกับระเบียบ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นการส่วนตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินจำนวน๓๗๗,๐๔๙.๓๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงิน ๓๔๒,๙๐๒ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้บริหารกิจการของจำเลยที่ ๑ และในฐานะส่วนตัว ไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ แต่กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ค่าวัสดุ ค่าจ้าง และค่าเสียหายของโจทก์ไม่ถึง ๓๗๗,๐๔๙.๓๓ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๓๔๒,๙๐๒ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ ถึงที่ ๗
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัวนั้น ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ มิได้ยกขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การของจำเลยที่ ๒ ว่า จำเลยที่ ๒ กระทำการตามฟ้องแทนจำเลยที่ ๑ ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีของเทศบาลจำเลยที่ ๑ และการที่ได้กระทำไปอยู่ในขอบวัตถุที่ประสงค์ของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นตัวการ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาจึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕วรรคแรก เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ อ้างว่ามีผู้จะสร้างถนนอุทิศให้เทศบาลแล้วสั่งการให้จำเลยที่ ๓สร้างถนนทางเข้าและรอบตัวอาคารโรงฆ่าสัตว์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กและจำเลยที่ ๓ ติดต่อสั่งซื้อวัสดุจากโจทก์และให้โจทก์ว่าจ้างรถเกรด รถไถ รถบดถนน มาใช้ในการก่อสร้างถนนโดยขัดกับระเบียบคิดเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๔๒,๙๐๒ บาท จำเลยที่ ๒ จึงต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นการส่วนตัว
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะจำเลยที่ ๒ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share