คำสั่งคำร้องที่ 2768/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาโจทก์ร่วมเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสองไม่รับฎีกา
โจทก์ร่วมเห็นว่า ฎีกาของโจทก์ร่วมได้โต้แย้งว่าการรับสารภาพของจำเลยไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นแต่อย่างใด หากแต่ความละเอียดต่าง ๆ ปรากฏต่อ ศาลชั้นต้นตามทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วม ทั้งสิ้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ถือเอาคำรับสารภาพ ของจำเลยมาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลงโทษและลดโทษแก่จำเลย กึ่งหนึ่ง จึงเป็นการใช้ดุลพินิจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา โปรดรับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 50)
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 ให้จำคุก 13 ปี 4 เดือนจำเลยรับสารภาพ นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 46)
โจทก์ร่วมยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 48)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ฎีกาขอให้ศาลไม่ลดโทษให้จำเลย เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลในการกำหนดโทษจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสองศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share