คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ป. ภายหลังผู้ร้องทราบว่า ก่อนที่ ป. จดทะเบียนสมรสกับผู้ร้องได้เคยจดทะเบียนสมรสกับส.มาก่อน แม้ผู้ร้องกับป.ได้จดทะเบียนสมรสกัน ในขณะที่ป.มีคู่สมรสอยู่แล้ว อันมีผลทำให้การสมรสระหว่างผู้ร้องกับป. เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452,1496และตามมาตรา 1495 จะบัญญัติว่า คำพิพากษาศาลเท่านั้นจะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ แต่ตามมาตรา 1501 ก็ได้บัญญัติว่า การสมรสสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอน เมื่อการสมรสระหว่างผู้ร้องกับ ป. ได้สิ้นสุดลงแล้วด้วยการหย่าก่อนที่ผู้ร้องจะมาร้องขอในคดีนี้ การสมรสซ้อนระหว่างผู้ร้องกับ ป.จึงไม่มีผลกระทบหรือโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง อันจะเป็นเหตุให้ผู้ร้องมีอำนาจร้องขอต่อศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ผู้ร้องจึงร้องขอให้ศาลพิพากษาว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ร้องกับ ป. เป็นโมฆะไม่ได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2513 ผู้ร้องได้จดทะเบียนสมรสกับพันตรีปรีชา เรืองเดช ต่อมาวันที่ 11 ตุลาคม2528 ผู้ร้องกับพันตรีปรีชาได้จดทะเบียนหย่า ขณะที่ผู้ร้องกับพันตรีปรีชาจดทะเบียนสมรส พันตรีปรีชามีคู่สมรสอยู่แล้วโดยได้จดทะเบียนสมรสกับนางเสริมสุข เรืองเดช(รัศมิทัต) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2507 การสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้พิพากษาว่าการสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ทางพิจารณาข้อเท็จจริงได้ความตามที่ผู้ร้องนำสืบพยานฝ่ายเดียวว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของพันตรีปรีชา เรืองเดช ปรากฏตามทะเบียนการสมรสเอกสารหมาย ร.1 ระหว่างสมรสมีบุตรด้วยกัน 2 คน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม2528 ผู้ร้องได้จดทะเบียนหย่ากับพันตรีปรีชา ปรากฏตามใบสำคัญการหย่าเอกสารหมาย ร.2 ภายหลังผู้ร้องทราบว่า ก่อนที่พันตรีปรีชาจะมาจดทะเบียนสมรสกับผู้ร้องได้เคยสมรสมาก่อนกับนางสาวเสริมสุข รัศมิทัต ปรากฏตามทะเบียนการสมรสเอกสารหมาย ร.3มีปัญหาที่จะวินิจฉัยว่า ผู้ร้องจะร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาเป็นโมฆะได้หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ผู้ร้องกับพันตรีปรีชาได้จดทะเบียนสมรสกันในขณะที่พันตรีปรีชามีคู่สมรสอยู่แล้ว อันมีผลทำให้การสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452, 1496 และแม้ตามมาตรา 1495 จะบัญญัติว่าคำพิพากษาศาลเท่านั้นจะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ แต่ตามมาตรา 1501ก็ได้บัญญัติว่า การสมรสสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอน ซึ่งข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่า การสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาได้สิ้นสุดลงแล้วด้วยการหย่าก่อนที่ผู้ร้องจะมาร้องขอในคดีนี้ การสมรสซ้อนระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาจึงไม่มีผลกระทบหรือโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง และตามคำร้องของผู้ร้องก็มิได้กล่าวแสดงว่าการจดทะเบียนสมรสซ้อนดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้กระทำการใดอันเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้อง อันจะเป็นเหตุให้ผู้ร้องมีอำนาจมาร้องขอต่อศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55ผู้ร้องจึงร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาเป็นโมฆะไม่ได้ ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share