คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5667/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 และทนายมิได้แก้อุทธรณ์หรือยื่นคำร้องหรือได้กระทำการใด ๆ ต่อศาลอันจะถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติในการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์รับผิดชดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการไม่ถูกต้องศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้เงินกู้จำนวน๑,๗๘๓,๑๓๐ บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองเป็นประกันออกขายทอดตลาด
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้ว่าไม่เคยมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ นำที่ดินตามฟ้องไปจดทะเบียนจำนองเป็นประกันการกู้ยืมเงินของจำเลยที่ ๑ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้องจำเลยที่ ๒ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
จำเลยที่ ๒ ไม่แก้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์๕,๐๐๐ บาท แทนจำเลยที่ ๒
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ มิได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันการกู้ยืมเงินของจำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิด
อนึ่ง จำเลยที่ ๒ และทนายจำเลยที่ ๒ มิได้แก้อุทธรณ์หรือยื่นคำร้องหรือได้กระทำการใด ๆ ต่อศาลอันจะถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติในการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์รับผิดชดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ ๒ จึงเป็นการไม่ถูกต้อง
พิพากษายืน แต่โจทก์ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลยที่ ๒ ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๕,๐๐๐ บาทแทนจำเลยที่ ๒.

Share