คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4593/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาเช่าทรัพย์ประเภทหนึ่ง จึงต้องนำบทบัญญัติลักษณะเช่าทรัพย์มาใช้บังคับด้วย เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายสัญญาเช่าซื้อย่อมระงับไปตั้งแต่วันที่รถยนต์สูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 ผู้ให้เช่าซื้อจะฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระอยู่ตั้งแต่วันที่รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายไปหาได้ไม่ เมื่อสัญญาเช่าซื้อกำหนดให้ผู้เช่าซื้อชำระเงินค่าเช่าซื้อจนครบในกรณีที่รถยนต์ที่เช่าซื้อถูกโจรภัย แม้ผู้เช่าซื้อไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อนับแต่วันที่รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายก็ถือได้ว่าผู้เช่าซื้อได้ตกลงชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อไว้ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมารถยนต์ที่เช่าซื้อถูกคนร้ายปล้นไปจำเลยทั้งสองจึงต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 5 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 123,375 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 66,000 บาทแก่โจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน66,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ตามฟ้องไปจากโจทก์ ในราคา 160,900 บาทชำระค่าเช่าซื้อในวันทำสัญญา 34,000 บาท ที่เหลือแบ่งชำระเป็น 36 งวดงวดละ 3,525 บาท จำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำสัญญาค้ำประกันการเช่าซื้อของจำเลยที่ 1 โดยยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1ปรากฏตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.4 และสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5 จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 2 เป็นต้นไป ต่อมารถยนต์คันที่เช่าซื้อได้ถูกคนร้ายลักไป จำเลยที่ 1 ยังคงค้างชำระค่าเช่าซื้อที่เหลือทั้งหมดเป็นเงิน 123,375 บาท ปัญหามีว่าจำเลยที่ 1 จะต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ยังค้างอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อจนครบหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาเช่าทรัพย์ประเภทหนึ่ง จึงต้องนำบทบัญญัติลักษณะเช่าทรัพย์มาใช้บังคับด้วยเมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหาย สัญญาเช่าซื้อย่อมระงับไปตั้งแต่วันที่รถยนต์สูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567ผู้ให้เช่าซื้อจะฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระอยู่ ตั้งแต่วันที่รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายไปหาได้ไม่ แต่คดีนี้ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอนาทวีว่ารถยนต์ที่เช่าซื้อถูกคนร้ายปล้นไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2524จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน2524 เป็นต้นไป ส่วนค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระตั้งแต่งวดที่ 2วันที่ 10 ตุลาคม 2524 และงวดที่ 3 วันที่ 10 พฤศจิกายน 2524จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องชำระต่อโจทก์รวมเป็นเงิน 7,050 บาทแม้ตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 5 จะกำหนดให้จำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อชำระเงินค่าเช่าซื้อจนครบในกรณีที่รถยนต์ที่เช่าซื้อถูกโจรภัยก็ตามแต่เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้ออีกต่อไป นับแต่วันที่รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ตกลงจะชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในกรณีนี้ไว้ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควร และกรณีนี้รถยนต์ที่เช่าซื้อถูกคนร้ายปล้นไปความสูญหายของทรัพย์ที่เช่าซื้อไม่ใช่ความผิดของจำเลยที่ 1ทั้งจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในรถยนต์ที่เช่าซื้ออีกต่อไป จึงควรกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ตามสมควร ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 66,000 บาทก็เป็นจำนวนพอสมควรแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระอีก 7,050 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share