คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4581/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พายุไห่เยี่ยนเป็นพายุที่เกิดขึ้นเป็นประจำในทะเลจีนใต้และมิใช่พายุที่มีความรุนแรงมิอาจคาดหมาย ทั้งก่อนออกเรือนายเรือก็ทราบข่าวพยากรณ์อากาศว่าจะเกิดคลื่นลมแรง นายเรือยังอาจหลีกเลี่ยงไม่ไปเผชิญกับพายุโดยหยุดเรือรอจนกว่าคลื่นลมสงบก่อนก็ได้ กรณีจึงไม่ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยหรือภยันตรายหรืออุบัติเหตุแห่งท้องทะเลหรือน่านน้ำที่ใช้เดินเรือ
โจทก์ฟ้องโดยอ้างสิทธิตามสัญญารับขนของทางทะเลซึ่งโจทก์รับช่วงสิทธิมาโดยแนบใบตราส่งเป็นเอกสารท้ายฟ้องซึ่งไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงกันให้ใช้ HAGUE RULES ในใบตราส่งที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องด้วย จึงเท่ากับว่าโจทก์ไม่เคยกล่าวอ้างว่า ในสัญญารับขนของทางทะเลระหว่างผู้ส่งกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ขนส่งมีข้อตกลงกันให้ใช้ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตาม HAGUE RULES ซึ่งกำหนดให้ผู้ขนส่งต้องรับผิดในความสูญหายของสินค้าเกินกว่า 10,000 บาท ต่อ 1 หน่วยการขนส่ง หรือเกินกว่า 30 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม อันเป็นข้อจำกัดความรับผิดโดยผลของมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาใช้กับการขนส่งครั้งพิพาทด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ฯ มาตรา 45 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากจำเลยทั้งสองผิดสัญญารับขนของทางทะเล จำนวน 1,359,188.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 1,312,790.97 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทโกลบอล คอนเทนเนอร์ ไลน์ จำกัด และบริษัทซามูเดรา ชิปปิ้ง ไลน์ จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
จำเลยร่วมที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยร่วมที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า ให้ฝ่ายจำเลย (จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมทั้งสอง) ชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 610,980 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 7 มกราคม 2545 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ฝ่ายจำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ฝ่ายจำเลยใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
โจทก์ จำเลยทั้งสอง และจำเลยร่วมทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2544 บริษัทไทยน็อกซ์สตีล จำกัด ตกลงขายแผ่นเหล็กม้วนรีดเย็นจำนวน 20 แท่นบรรจุสินค้า ให้แก่บริษัทเซี่ยงไฮ้ ซีไอเอ็มซี รีเฟอร์ คอนเทนเนอร์ จำกัด ซึ่งอยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน บริษัทไทยน็อกซ์สตีล จำกัด ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศให้เป็นผู้ขนส่งสินค้าไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนผู้ทำสัญญากับบริษัทไทยน็อกซ์สตีล จำกัด ผู้ส่ง แทนจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ว่าจ้างให้จำเลยร่วมที่ 2 ซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศเป็นผู้ขนส่งอื่น ทำการขนส่งสินค้าโดยเรือเดินทะเลชื่อ “จูรอง เบบารู” เที่ยวที่ 5 เอ็น จากท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทยไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ สัญญารับขนระหว่างจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมที่ 2 นั้น จำเลยร่วมที่ 1 เป็นตัวแทนผู้ทำสัญญากับจำเลยที่ 2 แทนจำเลยร่วมที่ 2 โจทก์รับประกันภัยสินค้าดังกล่าวในระหว่างการขนส่งจากบริษัทไทยน็อกซ์สตีล จำกัด จำนวน 114,495.84 ดอลลาร์สหรัฐ จำเลยที่ 2 ได้รับมอบสินค้าไว้จากผู้ส่งที่ท่าต้นทางในสภาพเรียบร้อยครบถ้วน สินค้าได้ถูกนำวางเรียงบนแท่นบรรจุสินค้าจำนวน 20 แท่นบรรจุสินค้า และแยกบรรจุเข้าตู้คอนเทนเนอร์ 4 ตู้ ลงเรือจูรอง เบบารู ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย เมื่อเรือจูรอง เบบารู เดินทางถึงปลายทางเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2544 ปรากฏว่าสินค้าจำนวน 5 แท่นบรรจุสินค้า ที่ถูกบรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์หมายเลข โอโอแอลยู 324567 สูญหายไปทั้งหมดในระหว่างเรือเดินทางอยู่ในทะเลจีนใต้ เนื่องจากถูกพายุไห่เยี่ยนซึ่งเกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ระหว่างวันที่ 15 ถึง 18 ตุลาคม 2544 โดยตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวมีรอยแตกฉีกขาดขนาดใหญ่ที่ผนังด้านขวาของตู้ โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทเซี่ยงไฮ้ ซีไอเอ็มซี รีเฟอร์ คอนเทนเนอร์ จำกัด ผู้รับประโยชน์ไปเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2545 เป็นเงิน 1,312,790.87 บาท
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมทั้งสองว่า ความสูญหายของสินค้าพิพาทเกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัยหรือภยันตรายหรืออุบัติเหตุแห่งท้องทะเลหรือน่านน้ำที่ใช้เดินเรือหรือไม่ เห็นว่า พายุไห่เยี่ยนเป็นพายุที่เกิดขึ้นเป็นประจำในทะเลจีนใต้ และมิใช่พายุที่มีความรุนแรงมิอาจคาดหมาย ทั้งก่อนออกเรือนายเรือก็ทราบข่าวพยากรณ์อากาศว่าจะเกิดคลื่นลมแรง นายเรือยังอาจหลีกเลี่ยงไม่ไปเผชิญกับพายุโดยหยุดเรือรอจนกว่าคลื่นลมสงบก่อนก็ได้ ดังนี้กรณีจึงไม่ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยหรือภยันตรายหรืออุบัติเหตุแห่งท้องทะเลหรือน่านน้ำที่ใช้เดินเรือ เมื่อเหตุแห่งการสูญหายได้เกิดขึ้นระหว่างที่ของอยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง และจำเลยร่วมที่ 2 ผู้ขนส่งอื่น โดยที่จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมที่ 2 ไม่อาจอ้างข้อยกเว้นความรับผิดได้ จำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง จำเลยร่วมที่ 2 ผู้ขนส่งอื่น และจำเลยที่ 1 กับจำเลยร่วมที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ทำสัญญาแทนจำเลยที่ 2 กับจำเลยร่วมที่ 2 ตามลำดับ จึงต้องรับผิดเพื่อการสูญหายนั้น ตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า บริษัทไทยน็อกซ์สตีล จำกัด ผู้ส่ง กับจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนตกลงกันให้ใช้ HAGUE RULES ซึ่งกำหนดให้ผู้ขนส่งต้องรับผิดในความสูญหายของสินค้าเกินกว่า 10,000 บาท ต่อ 1 หน่วยการขนส่ง หรือเกินกว่า 30 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม บังคับแก่การขนส่งครั้งพิพาทนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยอ้างสิทธิตามสัญญารับขนของทางทะเลซึ่งโจทก์รับช่วงสิทธิมา โดยในใบตราส่งไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงกันให้ใช้ HAGUE RULES ในใบตราส่งที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องด้วย จึงเท่ากับว่าโจทก์ไม่เคยกล่าวอ้างว่า ในสัญญารับขนของทางทะเลระหว่างบริษัทไทยน็อกซ์สตีล จำกัด ผู้ส่ง กับจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง นั้น มีข้อตกลงกันให้ใช้ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตาม HAGUE RULES ซึ่งกำหนดให้ผู้ขนส่งต้องรับผิดในความสูญหายของสินค้าเกินกว่า 10,000 บาท ต่อ 1 หน่วยการขนส่ง หรือเกินกว่า 30 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม อันเป็นข้อจำกัดความรับผิดโดยผลของมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาใช้กับการขนส่งครั้งพิพาทด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2535 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง แม้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนนี้มาด้วย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share