แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้รับจ้างขอต่ออายุสัญญาโดยอ้างว่าเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน จำเลยดำเนินการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยต่ออายุสัญญาจ้างให้แก่ผู้รับจ้างโดยก่อนที่จะทำความเห็นเสนอต่ออายุสัญญาจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังสืบหาข้อเท็จจริง ตลอดจนตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเคยมีการต่ออายุสัญญาจ้างเพราะการขาดแคลนน้ำมันให้แก่ผู้อื่นมาแล้ว จำเลยจึงมิได้ประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ ที่จำเลยมีความเห็นว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยจงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายต้องคืนเงินค่าปรับแก่ผู้รับจ้าง แต่เป็นความเห็นโดยสุจริตในข้อกฎหมายซึ่งอาจแตกต่างจากบุคคลอื่นได้ จะถือว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาว่าจ้างห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลพัฒนาธรณีผู้รับจ้างให้ทำการก่อสร้างทางมาตรฐานสายบ้านยะหริ่ง – บ้านสำเภา อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานีหากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จภายในกำหนดหรือผิดสัญญาข้อใด ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้างปรับเป็นรายวัน ต่อมาผู้รับจ้างได้ทำหนังสือถึงจำเลยที่ 1 ขอต่ออายุสัญญาโดยให้เหตุผลว่าเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นเลขาธิการของโจทก์ในขณะนั้นได้สั่งให้จำเลยที่ 2 และที่ 3ซึ่งดำรงตำแหน่งนิติกร 5 และหัวหน้าฝ่ายนิติการ ตามลำดับสืบสวนข้อเท็จจริง จำเลยที่ 2 ได้ทำการสืบสวนหาข้อมูลแล้วมีความเห็นว่าเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน จึงถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยทำให้ผู้รับจ้างไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามสัญญาจำเลยที่ 3 มีความเห็นว่าควรต่ออายุสัญญาให้ผู้รับจ้างเป็นเวลา69 วัน จำเลยที่ 1 เห็นชอบด้วยจึงทำบันทึกความเห็นเสนอปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทยเห็นชอบด้วยตามข้อเสนอของจำเลยทั้งสาม โจทก์จึงต้องทำสัญญาต่ออายุสัญญาให้ผู้รับจ้างอีก 69 วัน จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎข้อบังคับ ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2521 เหตุที่ผู้รับจ้างยกขึ้นอ้างก็ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต้องคืนเงินค่าปรับ 69 วันเป็นเงินจำนวน 181,884 บาท ให้แก่ผู้รับจ้าง โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 181,884 บาท นับแต่วันที่โจทก์คืนเงินค่าปรับให้ผู้รับจ้างจนถึงวันฟ้องเป็นเงินจำนวน 79,565 บาทรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 261,449 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 261,459 บาท (ที่ถูกเป็น 261,449 บาท)พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 181,884 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยทั้งสามได้ปฏิบัติราชการไปตามอำนาจหน้าที่ที่จำเลยแต่ละคนมีอยู่ โดยถูกต้องตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ได้กระทำไปโดยสุจริตใช้ดุลพินิจโดยรอบคอบเสนอความเห็นไปตามลำดับชั้นตามขั้นตอนของการปฏิบัติราชการ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาในข้อแรกว่า จำเลยทั้งสามประมาทเลินเล่อ ไม่ได้สืบหาข้อเท็จจริงจากศูนย์ปฏิบัติการ รพช.ภาคใต้ ไม่ได้เรียกรายงานสรุปผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างประจำเดือนเมษายน 2522 ที่รายงานโดยนายช่างโยธาผู้ควบคุมงานว่าผู้รับจ้างมีเครื่องจักรกลไม่เพียงพอ เครื่องจักรกลบางอย่างไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งาน ซึ่งถ้าจำเลยทั้งสามได้ดูรายงานดังกล่าวแล้วก็คงเห็นว่าสาเหตุแห่งการทำงานล่าช้าไม่ทันตามกำหนดเวลามิได้เป็นเพราะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง นั้น เห็นว่า กรณีนี้ผู้รับจ้างได้ขอต่ออายุสัญญาโดยอ้างว่าเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน จำเลยทั้งสามจึงพิจารณาประการเดียวว่าเกิดภาวะดังกล่าวจริงหรือไม่ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการ รพช. ภาคใต้ก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าใดนัก เพราะเมื่อนายช่างโยธาผู้ควบคุมงานทำรายงานสรุปผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างประจำเดือนเมษายน 2522 ก็ได้มีการเสนอให้นายช่างโยธาผู้ควบคุมงานไปหาข้อมูลการขาดแคลนน้ำมันของจังหวัดปัตตานี ดังนั้น การที่จำเลยทั้งสามสืบหาข้อเท็จจริงจากจังหวัดปัตตานี โดยมิได้สอบถามข้อเท็จจริงจากศูนย์ปฏิบัติการรพช. ภาคใต้ จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสามใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว ส่วนรายงานสรุปผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างประจำเดือนเมษายน 2522 นั้น ไม่มีการรายงานเข้ามายังส่วนกลาง ดังนั้นการที่จำเลยทั้งสามไม่ได้เรียกรายงานสรุปผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างประจำเดือนเมษายน 2522 มาประกอบการพิจารณา จึงไม่ใช่ความประมาทเลินเล่อของจำเลยทั้งสาม
โจทก์ฎีกาในข้อต่อมาว่า การขาดแคลนน้ำมันไม่ใช่เหตุสุดวิสัยศาลฎีกาเห็นว่า การขาดแคลนน้ำมันในกรณีนี้จะถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ก็ตาม เมื่อปรากฏว่าก่อนที่จะทำความเห็นเสนอปลัดกระทรวงมหาดไทย ต่ออายุสัญญาจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง จำเลยทั้งสามได้ใช้ความระมัดระวังสืบหาข้อเท็จจริงจากจังหวัดปัตตานี ตลอดจนตรวจสอบว่าเคยมีกรณีเช่นเดียวกันนี้หรือไม่ ซึ่งก็ปรากฏว่าเคยมีการต่ออายุสัญญาจ้างเพราะการขาดแคลนน้ำมันให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดยโสธรเฮงหลีมาแล้ว จำเลยทั้งสามจึงมิได้ประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ ที่จำเลยทั้งสามมีความเห็นว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามจงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายต้องคืนเงินค่าปรับแก่ผู้รับจ้าง แต่เป็นความเห็นโดยสุจริตในข้อกฎหมายซึ่งอาจแตกต่างจากบุคคลอื่นได้ จะถือว่าจำเลยทั้งสามกระทำละเมิดต่อโจทก์หาได้ไม่ และไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาเรื่องอายุความ
พิพากษายืน