คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4581/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้มีดดาบฟันผู้เสียหาย 2 ครั้ง ขณะผู้เสียหายอยู่ในมุ้งแล้วไม่ได้ฟันซ้ำอีกทั้งที่มีโอกาสกระทำได้ ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่แขนและใบหูไม่ถึงสาหัส การที่มีบาดแผลเพียงใบหูเกือบขาด แสดงว่าคมมีดถูกศีรษะผู้เสียหายไม่แรงส่วนที่มีมุ้งกีดขวาง ก็เป็นสภาพที่มีอยู่ก่อนจำเลยลงมือกระทำหาใช่เหตุขัดขวางที่เกิดขึ้นภายหลังลงมือกระทำ พฤติการณ์แห่งคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าบุพการีแม้ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่า หากรับฟังว่าเป็นเพียงกรณีทำร้ายร่างกายก็จะต้องลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบุพการี ก็ย่อมแปลได้ว่า โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296ด้วยแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยโดยเจตนาฆ่า ได้ใช้มีดยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ฟันศีรษะนายเลิศ ยังประสม ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบิดาจำเลยหลายครั้ง จำเลยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากผู้เสียหายหลบหลีกและยกแขนรับมีดไว้ได้ทัน คมมีดที่จำเลยใช้ฟันถูกผู้เสียหายที่ใบหูซ้ายและแขนซ้าย เป็นเหตุให้ใบหูซ้ายเป็นแผลฉีกขาด และเป็นบาดแผลถลอกที่แขนซ้าย ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 289(1)

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(1) ประกอบด้วยมาตรา 80ให้จำคุกตลอดชีวิตลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ให้จำคุก 33 ปี 4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ลงโทษจำคุก 2 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก1 ปี 4 เดือน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ว่า จำเลยใช้มีดดาบฟันผู้เสียหาย 2 ครั้ง ขณะผู้เสียหายอยู่ในมุ้งมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่า จำเลยฟันผู้เสียหายเพียง 2 ครั้ง แล้วไม่ได้ฟันซ้ำอีกทั้งที่มีโอกาสกระทำได้ ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่แขนและใบหูไม่ถึงสาหัส หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย น่าจะฟันซ้ำอีกหลายครั้ง ที่โจทก์กล่าวในฎีกาว่า จำเลยคงคิดว่าผู้เสียหายถึงแก่ความตายจึงหนีไปเป็นเพียงการคาดคะเนไม่มีพยานหลักฐานอันจะนำมาสนับสนุนให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยเช่นนั้นได้ ที่โจทก์กล่าวในฎีกาว่า หากผู้เสียหายหลบไม่ทันและมุ้งไม่กีดขวางศีรษะผู้เสียหายคงแยกเป็น 2 เสี่ยงนั้น ตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ เอกสารท้ายฟ้อง ปรากฏว่าบาดแผลที่ใบหูผู้เสียหายเป็นบาดแผลในแนวราบใบหูเกือบขาดฟังได้ว่าจำเลยฟันถูกศีรษะผู้เสียหายตรงใบหู โดยฟันในแนวราบซึ่งหากคมมีดถูกศีรษะผู้เสียหายโดยแรง ใบหูผู้เสียหายย่อมขาดและคมมีดย่อมบาดเข้าในขมับผู้เสียหายเป็นแผลลึก การที่มีบาดแผลเพียงใบหูเกือบขาดเท่านั้นแสดงว่าคมมีดถูกศีรษะผู้เสียหายไม่แรงส่วนข้อที่มีมุ้งกีดขวางนั้น เป็นสภาพที่มีอยู่ก่อนจำเลยลงมือกระทำหาใช่เหตุขัดขวางที่เกิดขึ้นภายหลังลงมือกระทำ หากจำเลยมีเจตนาให้เกิดบาดแผลร้ายแรงแก่ผู้เสียหายจำเลยย่อมกระทำให้สัมฤทธิ์ผลได้เช่น ฟันให้แรงขึ้น หรือฟันสายมุ้งให้ขาดและผ้ามุ้งคลุมแนบตัวผู้เสียหายแล้วจึงฟันผู้เสียหายหรือตลบมุ้งขึ้นก่อนแล้วจึงฟันผู้เสียหายพยานโจทก์ที่นำสืบและพฤติการณ์แห่งคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายนั้นชอบแล้ว การกระทำของจำเลยฟังได้ว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าบุพการี แม้ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่า หากรับฟังว่าเป็นเพียงกรณีทำร้ายร่างกายก็จะต้องลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบุพการี ก็ตาม ย่อมแปลได้ว่า โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 ด้วยแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความ และศาลฎีกาเห็นต่อไปว่า ตามพฤติการณ์แห่งคดีการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องร้ายแรงไม่ยำเกรงต่อบุพการีควรลงโทษในสถานหนัก

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 ลงโทษจำคุก 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี

Share