คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2683/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 3 ให้คำนิยามไว้ว่า หมายความว่าการผลิตนำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดและให้หมายความรวมถึง การสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือพยายามกระทำความผิดดังกล่าวด้วย ไม่ได้รวมถึงการมียาเสพติดไว้ในครอบครอง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ใช่คดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามมาตรา 30 และ 31 ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้ พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวและยึดได้รถยนต์กระบะซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองใช้เป็นพาหนะนำเมทแอมเฟตามีนมาไว้ในครอบครองและพาเมทแอมเฟตามีนไปเพื่อให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเป็นของกลาง และโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ริบรถยนต์กระบะดังกล่าวให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30, 31

ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านอ้างว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์กระบะของกลาง มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสอง ขอให้คืนรถยนต์กระบะของกลางแก่ผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ริบรถยนต์กระบะของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30, 31

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์และให้คืนรถยนต์กระบะของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การร้องขอให้ริบรถยนต์กระบะของกลางโดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองใช้เป็นพาหนะนำเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาไว้ในครอบครองและยาเสพติดดังกล่าวไปเพื่อให้ได้รับผลในการกระทำความผิดให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของพนักงานอัยการโจทก์คดีนี้นั้นเป็นการยื่นคำร้องโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30, 31 ซึ่งความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 3 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวให้คำนิยามไว้ว่า หมายความว่า การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติด และให้หมายความรวมถึง การสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือหรือพยายามกระทำความผิดดังกล่าวด้วย เห็นได้ว่า ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 ไม่ได้รวมถึงการมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ด้วยคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่ใช่คดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินของกลางดังกล่าวให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามมาตรา 30 และ 31 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และเมื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์กระบะของกลางที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้ยกคำร้องของโจทก์และคืนรถยนต์กระบะของกลางแก่ผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล และคดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์อีกต่อไป”

พิพากษายืน

Share