แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เช่าเคหะอยู่อาศัยถึงแก่กรรมแล้ว ภรรยาผู้ตายซึ่งอยู่อาศัยในเคหะนั้นต่อมามิได้แสดงความจำนงเป็นหนังสือของเช่าบ้านรายนั้นต่อผู้ให้ผู้เช่าต่อไป
ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่สามีตายนั้น จะอ้างความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าไม่ได้ เว้นแต่ผู้ให้เช่าและภรรยาผู้ตายเช่าบ้านนั้นต่อไป
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ โดยอ้างว่า นายเซงผู้เช่าได้ตายลง จำเลยซึ่งอาสัยอยู่ในบ้าน ไม่ได้แสดงความจำนงที่จะเช่าต่อไปแต่อย่างใด ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่า เช่าอยู่อาศัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้ขับไล่จำเลย
แตศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว คดีคงได้ความว่าเมื่อนายเซงผู้เช่าตายลง จำเลยผู้เป็นภรรยาคงอยู่ในบ้านเช่านี้ต่อมา โดยมิได้มีหนังสือแสดงความจำนงขอเช่าบ้านรายนี้ต่อโจทก์ต่อไป ภายใน ๓ วัน นับแต่วันนายเซงตาย เป็นการไม่ปฏิบัติตามความในมาตรา ๑๗ แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ จำเลยจะอ้างว่าความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ดังกล่าวย่อมได้เว้นแต่โจทก์จำเลยจะได้ตกลงกันยอมให้จำเลยเป็นผู้ไม่เช่าบ้านรายนี้ต่อไป แต่ตามคำให้การของจำเลยไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โดยตรงหรือโดยปริยายแต่อย่างใดว่า โจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเป็นผู้เช่าบ้านรายพิพาทต่อไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยชอบแล้ว จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับดคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น